- 03 ก.ค. 2568
เอาเรื่อง เปิดเงื่อนไข "สีกา ก." เรียกร้องจาก "อดีตเจ้าคุณอาชว์" ประวัติโชกโชนขนาด "พระพยอม" ยังบอก "นังนี่มันร้าย"
ความคืบหน้ากรณีอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ “เจ้าคุณอาชว์” ล่าสุดพบว่าได้ลาสิกขาแบบกะทันหันที่จังหวัดหนองคาย หลังมีการตรวจสอบบัญชีวัดตรีทศเทพแล้วพบความไม่ชัดเจน โดยมีการโอนเงินจากบุคคลที่สามไปยังหญิงสาวที่มีความใกล้ชิดกับอดีตพระรูปนี้หลายครั้ง รวมเป็นมูลค่าตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ขณะเดียวกัน ตำรวจกำลังตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับบัญชีวัดหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเกี่ยวข้อง อาจมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมได้
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง “อดีตเจ้าคุณอาชว์” กับ "สีกา ก." เริ่มจากการพูดคุยทางโทรศัพท์ในเดือนพฤษภาคม 2567 และพัฒนาความสัมพันธ์เรื่อยมาจนกระทั่งในช่วงต้นปี 2568 ฝ่ายอดีตพระเริ่มตีตัวออกห่าง ทำให้หญิงสาวปล่อยคลิป-แชตเพื่อแบล็กเมล์
จนพระชั้นผู้ใหญ่ต้องเข้ามาเจรจาให้ลาสิกขาเพื่อลดความเสียหายต่อวงการสงฆ์ แต่เจ้าตัวยังปฏิเสธ ก่อนถูกช่วยหลบหนีในคืนวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ไปยังวัดในจังหวัดลพบุรี และต่อไปยังหนองคาย ก่อนเดินทางออกนอกประเทศในคืนถัดมา ล่าสุดกลับเข้าไทยแล้วเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน และยังไม่พบว่าเดินทางออกอีก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังเพจ “ท่านเปา” ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของหญิงรายหนึ่งที่ถูกขนานนามว่า “สีกา ก.” หรือ “น้องดอกไม้” โดยระบุว่าเป็นสาวจากจังหวัดพิจิตร ฐานะยากจน การศึกษาจบเพียงชั้น ม.3 เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อดิ้นรนทำมาหากินตามลำพัง
อีกทั้งยังมีข้อมูลอีกว่า “สีกา ก.” มีลูกติด 3 คน กับอดีตสามี 3 คน ซึ่งแต่ละคนจะมีลักษณะสูงอายุ ผู้ชายคนแรกที่เป็นพ่อของลูกสาววัย 13 ปี ลักษณะรูปร่างคล้ายพระสงฆ์เพิ่งสึก ส่วนผู้ชายคนที่ 2 ที่เป็นพ่อของลูกชาย “สีกา ก.” อายุ 9 ขวบ มีลักษณะ รูปร่างหน้าตาดี ดีกรี ผศ.ดร. ของวิทยาลัยสงฆ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง และผู้ชายคนที่ 3 เป็นพ่อของลูกชายวัย 6 ขวบ เป็นชายชาวจังหวัดพิจิตร ซึ่งแต่ละคนจะทำงานเกี่ยวกับวัดต่างๆ
เพจระบุเพิ่มเติมว่า หญิงรายนี้มักเข้าออกวัดเป็นประจำเวลาเครียด จนกระทั่งวันหนึ่งสามารถตีสนิทพระผู้ใหญ่ในวัดชื่อดังได้ภายในเวลาเพียง 5 วัน ก่อนจะมีพฤติกรรมลุกลามถึงขั้นแอบอ้างว่าตั้งครรภ์กับพระรูปดังกล่าว
เหตุการณ์เริ่มบานปลายเมื่อหญิงคนนี้เรียก “ค่าเลี้ยงดู” เดือนละ 32,000 บาท ยาวไปจนลูกอายุ 20 ปี รวมยอดเงินกว่า 7 ล้านบาท สุดท้ายพระรูปดังกล่าวทนกระแสกดดันไม่ไหว จึงตัดสินใจลาสิกขาและเดินทางออกนอกประเทศไปอยู่ฝั่งลาว
ต่อมามีการตรวจสอบพบว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่หญิงรายนี้ก่อเหตุในลักษณะนี้ โดยก่อนหน้านี้เคยมีพระจากอีก 2 วัดตกเป็นเหยื่อเช่นกัน และล้วนเป็นพระที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
ขณะที่พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี บอกว่า สีกา ก. คือเพชฌฆาตในวงการสงฆ์ นอกจากจะทำให้ ทิดอาชว์ ต้องสึก ยังเคยทำพระเปรียญ 9 สึกมาแล้ว 2 รูป พร้อมเผยคำพูดสุดท้ายของ ทิดอาวช์ ก่อนสึก พูดไว้ว่า "ผมหมดบุญแล้ว" ในมุมมองพระพยอม มองว่าน่าเสียดายที่ ต้องเป็นเทพตกสวรรค์เพราะขาดสติ
สำหรับเรื่องเงินวัด มีรายงานว่าทรัพย์สินของวัดยังอยู่ครบถ้วน แต่เงินส่วนตัวของพระซึ่งมีอยู่ราว 200,000 บาท กลับสูญหายไปอย่างไม่ทราบที่มา
กรณีนี้จุดกระแสคำถามจากสังคมถึง “ช่องโหว่ทางกฎหมาย” ที่ยังไม่มีบทลงโทษชัดเจนต่อการแอบอ้างหรือหลอกลวงพระเพื่อหวังผลประโยชน์ จนทำให้พระสงฆ์ได้รับความเสียหายทั้งชื่อเสียงและจิตใจ






