- 09 ก.ค. 2568
"ทนายสมปรารถน์" เผยความรู้เรื่องกฎหมาย เกี่ยวกับสิทธิที่ดิน น.ค.3 พร้อมยกกรณี "จอนนี่ มือปราบ" เป็นตัวอย่างการศึกษาทางกฎหมาย
"ทนายสมปรารถน์ โกมินทรชาติ" ออกมาแสดงความคิดเห็นในแง่มุมกฎหมาย เกี่ยวกับกรณีของ จอนนี่ มือปราบ หรือ ยุทธพล ศรีสมพงษ์ ที่ได้ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหาบุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเอง ลำโดมน้อย ที่ จังหวัดอุบลราชธานี โดยรีสอร์ตของ จอนนี่ มือปราบได้ถูกกล่าวหาว่า รุกล้ำพื้นที่ของรัฐ
โดยในเฟซบุ๊ค Sompard Komintarachat ของ ทนายสมปรารถน์ เปิดเผยว่า เคสกรณีศึกษา จอนนี่ มือปราบ ก่อนอื่นผมจะขออธิบายเกี่ยวกับประเภทของที่ดินและการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐและเอกชนก่อนเป็นลำดับแรกเพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาของกฎหมายว่าครอบครองหรือได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้เมื่อทุกท่านทราบข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของที่ดินแต่ละประเภททุกท่านจะแยกแยะได้เลยว่าที่ดินแบบไหนมีไว้ปลอดภัยและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีไม่ช้าก็เร็ว
ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวมาจากงานวิจัยของผมเองที่ทำเรื่อง “การจัดการป่าไม้ของประเทศไทย (Forest Management)” เป็นวิจัยทางกฎหมายเล่มแรกของประเทศไทยที่ทำเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินและป่าไม้ของประเทศไทย สรุปแบบคร่าวๆ มาให้นะครับ
- 1.ประเภทที่ดินของเอกชนหรือที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ (ที่ดินที่ให้เอกชนครอบครองและสามารถทำประโยชน์ได้)
สำหรับประเทศไทยมีกฎหมายรองรองรับในเรื่องของที่ดินโดยมี ประมวลกฎหมายพุทธศักราช 2497 บัญญัติไว้ในเรื่องของครอบครองที่ดิน โดยแยกพิจารณามีแบ่งเป็นที่ดิน 5 ประเภทดังนี้
1.1) โฉนดที่ดิน หรือ น.ส.4 คือ หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ ผู้มีชื่อในหนังสือสำคัญนี้สามารถใช้ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นยันแก่บุคคลทั่วไปได้
1.2) โฉนดแผนที่ หมายถึง โฉนดที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน ร.ศ. 120 โฉนดแผนที่ก็มีรูปแผนที่เช่นเดียวกับโฉนดที่ดิน การที่เรียกว่าโฉนดแผนที่ก็เพื่อให้แตกต่างจากโฉนดอย่างเก่า เช่น ตราแดง โฉนดสวน และโฉนดป่า
1.3) โฉนดตราจอง ออกตามพระราชบัญญัติออกตราจองชั่วคราว ร.ศ. 121 (พ.ศ. 2446) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนนามเป็นพระราชบัญญัติออกโฉนดตราจอง ร.ศ. 124 (พ.ศ. 2449) ปัจจุบันไม่มีออก
1.4) ตราจองที่ตราว่าได้ทำประโยชน์แล้ว คือ ตราจองที่ผู้ได้รับอนุญาตได้ทำประโยชน์ ในที่ดินตามกำหนดเงื่อนไขของกฎหมายแล้ว
1.5) โฉนดที่ดินประเภท น.ส. 4 ก. น.ส.4 ข. น.ส.4 ค. น.ส. 4 ง. น.ส.4 จ.
2. ประเภทหนังสือรับรองการทำประโยชน์ คือ
หนังสือรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว
2.1) หนังสือรับรองการทำประโยชน์ประเภทที่ดิน น.ส. 3
2.2) หนังสือรับรองการทำประโยชน์ประเภทที่ดิน น.ส. 3 ก.
2.3) หนังสือรับรองการทำประโยชน์ประเภทที่ดิน น.ส. 3 ข.
2.4) แบบหมายเลข 3 ออกได้ทุกพื้นที่ วิธีการออกเหมือนกับการออก น.ส.3 แต่ปัจจุบันไม่มีการออก
2.5) ใบจอง หรือ น.ส. 2 ใบจอง คือหนังสือที่ทางราชการออกให้เพื่อเป็นการแสดงความยินยอมให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราว
3. ประเภทที่ดินของรัฐที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์
ในหลักเกณฑ์ข้อที่ 2 เรื่องหลักเกณฑ์การถือครองที่ดินและการใช้สิทธิ์ในที่ดินของรัฐหรือที่ดินที่รัฐอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ก็สามารถนำมาใช้ในการจัดการป่าไม้ได้โดยหลักการ แต่ทั้งนี้ที่ดินดังกล่าวที่นำมาใช้ประโยชน์นั้นจะต้องมีเอกสารแสดงสิทธิในการถือครองที่ดินและการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยชัดแจ้งก่อนเป็นลำดับแรก
ซึ่งการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐนั้นหากกฎหมายในประเทศอนุญาตให้ใช้ประโยชน์และไม่ขัดแย้งต่อกฎหมายอื่นสามารถนำมาใช้ในการปลูกป่าเพื่อการค้าหรือเพื่อการทำเกษตรกรรม
3.1) ที่ดิน ส.ป.ก. (ที่ดินสำนักงานปฏิรูปเพื่อการเกษตรกรรม)
ที่ดิน ส.ป.ก. ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ปัจจุบันมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คอยกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
3.2) ที่ดินของนิคมสหกรณ์ (ก.ส.น.5) หนังสือแสดงการทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมสหกรณ์ออกตามความในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการออก
3.3) ใบอนุญาตทำกินของกรมป่าไม้ (ที่ดิน สทก.) ที่ดิน สทก. เป็นหนังสืออนุญาตให้มีสิทธิทำกินชั่วคราว ซึ่ง กรมป่าไม้ออกให้เพื่อเป็นการผ่อนผันแก่ราษฎรที่บุกรุกทำกินในป่าสงวนแห่งชาติได้อยู่อาศัยต่อไปเป็นการชั่วคราว
3.4) ที่ดิน ภบท.5 (แบบแสดงรายการภาษีที่ดินบำรุงท้องที่) มีหน่วยงานท้องถิ่นเป็นผู้ดูและและจัดเก็บภาษี หรือที่เรียกว่าภาษีดอกหญ้า
3.5) ที่ราชพัสดุ หมายถึง อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ประโยชน์ในราชการ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน กรมธนารักษ์มีหน้าที่ดูแลและบริหารจัดการที่ราชพัสดุ
3.6) พื้นที่เขตปลอดภัยในราชการทหาร พ.ศ. 2476 คือ บริเวณโดยรอบที่ทหารเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภัยในราชการทหาร
3.7) ที่ดินนิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) กรณีจอนนี่มือปราบ
ที่ดินนิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) เป็นที่ดินที่มีการออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ ซึ่งออกให้ในนิคมสร้างตนเองตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ซึ่งการได้สิทธิในที่ดินของสมาชิกนิคมสร้างตนเองเมื่อสมาชิกได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแล้ว
กล่าวคือจะต้องเป็นสมาชิกนิคมสร้างตนเองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ต้องไม่มีหนี้สินที่เกี่ยวกับกิจการนิคม ชำระเงินค่าช่วยทุนรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว และได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ในที่ดินตามมาตรา 8 ตาม และตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511
ต่อมาเมื่อสมาชิกของนิคมได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินที่ได้รับอนุญาตเกินกว่า 5 ปีและได้ชำระเงินช่วยทุนที่รัฐบาลได้ลงไปแล้ว และชำระหนี้สินเกี่ยวกับกิจการนิคมให้ทางราชการแล้ว จะได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.3) เป็นหลักฐาน
4. มาวิเคราะห์กันว่าเคสกรณีดังกล่าวนั้นเป็นมาอย่างไร
4.1 เมื่อทราบระบบที่ดินและการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐและเอกชนแล้ว เราสามารถแยกกลุ่มคนผู้ถือครองที่ดินในนิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) ออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ
กลุ่มที่ 1. ผู้อยู่อาศัยมาก่อนประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 สำหรับบุคคลใดที่อยู่มาก่อนในพื้นที่ดินกล่าวมาก่อนการประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดินนั้น มีสิทธิในการแจ้งเพื่อขอเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการสืบสิทฺธิในที่ดินเพื่อขอออกเป็นโฉนด ซึ่งขั้นตอนนี้จะเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องเพื่อขออกเป็นโฉนดในที่ดินแต่ต้องพิจารณาก่อนว่ามีประกาศของกรมที่ดินให้สามารถทำเรื่องขอออกโฉนดหรือไม่อย่างไรในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้จะต้องพิจารณาว่าทาง “กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” นั้นมีการทำเรื่องยกเลิกการทำที่นิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) หรือไม่อย่างไร หากมีการทำเรื่องยกเลิกการทำนิคมแล้วที่ดินดังกล่าวอาจจะถูกส่งมอบให้หน่วยงานอื่นดูแลหรือสามารถขออกเป็นโฉนดที่ดินได้ในบางกรณีและต้องมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นกรณีๆ ไป
กลุ่มที่ 2 ผู้มีสิทธิเข้าอยู่และใช้ประโยชน์ในที่ดินตามระเบียบตามแบบที่ดิน (น.ค.3) หลังประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
สำหรับบุคคลที่เข้าใช้ประโยชน์ส่วนใหญ่ภายหลังการประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 นั้นจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ซึ่งการได้สิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ดินของสมาชิกนิคมสร้างตนเองดังกล่าวนี้สามารถใช้ยืนยันต่อหน่วยงานรัฐว่าได้ครอบครองและทำประโยชน์อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว และจะได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.3) เป็นหลักฐาน
กลุ่มที่ 3 บุคคลที่เข้าอยู่โดยไม่ชอบตามกลุ่มที่ 1 และ กลุ่มที่ 2 ตั้งแต่แรก กลุ่มนี้จะต้องพิจารณาการเข้าใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเข้าทำประโยชน์อย่างต่อเนื่องและมีการเปลี่ยนมือการครอบครองมีมาหลายทอด แต่การเข้าทำและครอบครองพื้นที่ดังกล่าวนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่แรกย่อมถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมาตั้งแต่แรกด้วยเช่นกัน
คำว่าที่ดินเปลี่ยนมือ คือ การที่ผู้เข้าทำประโยชน์มีการขายสิทธิ์การเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินซึ่งผู้ซื้อจะต้องเข้าใจก่อนว่าคนที่เข้าทำประโยชน์ในที่ดินนิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) เขามีสิทธิ์อยู่อาศัยและถือครองมาก่อนหรือไม่อย่างไร ถ้าผู้ขายสิทธิ์นั้นไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายตั้งแต่แรกแล้ว การเข้าดำเนินการต่อย่อมถือว่าเป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐอย่างต่อเนื่องนั่นเองและอาจถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกแผ้วถางป่าตามประมวลกฎหมายป่าไม้ 2484 (แก้ไขเพิ่มเติม 2562) ในมาตรา 54 และ/หรือฝ่าฝืนมาตรา 15 ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ในกรณีนี้
- 5 กรณีการแสดงตนพิสูจน์การถือครองที่ดิน (น.ค.3) มีอะไรที่จะต้องพิจารณาบ้างในกรณีนี้
1.ต้องพิจารณาก่อนว่าผู้ที่เข้ามาทำกินตามหลักเกณฑ์ตามระเบียบการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 มีกี่รายและอยู่ก่อนมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดินมาแล้วกี่ราย
ทั้งนี้สามารถตรวจสอบการขอขึ้นทะเบียนจาก สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ได้
2.การเข้าแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ ในฐานะผู้ครอบครองและการทำประโยชน์ในที่ดิน (น.ค.3) หากผู้ใดบริสุทธิ์ใจและสามารถยืนยันเอกสารและหลักฐานว่าเข้ามาอย่างถูกต้องแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะมีหนังสือแจ้งสิทธิ์ให้กับผู้นั้นว่าสามารถครอบครองและใช้ประโยชน์ต่อได้
หากไม่มาแสดงตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ถือว่าสละสิทธิและในกรณีที่ดิน นิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) นั้นเป็นที่ดินของรัฐจะไม่มีการขายสิทธิทำกินให้บุคคลอื่นแต่อย่างใด แต่หากผู้ใดไม่ประสงค์จะใช้ที่ดินดังกล่าวแล้วนั้นจะต้องทำหนังสือแจ้งคืนที่ดินนิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) ต่อนายทะเบียนของ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) เท่านั้น
6. สำหรับประเด็นของพี่จอนนี่ มือปราบ จะต้องพิจารณาจากอะไรบ้างเอาแบบคร่าวๆ เลยนะคับ
1.ในการถือครองที่ดินประเภท นิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) เป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์และมีคุณสมบัติครบถ้วนแล้วหรือไม่
คำตอบในประเด็นนี้ คือ จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงว่าที่ดินประเภท นิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) เป็นที่ดินที่มีวัตถุประสงค์ไว้สำหรับผู้ใด
ในกรณีนี้ที่ดินนิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) มีไว้ใช้สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์และไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง หรือมีแต่เพียงเล็กน้อยไม่พอแก่การครองชีพตามมาตรา 35 (1) ถึง (6)
ดังนั้นกรณีของ พี่จอนนี่ มือปราบ เป็นข้าราชการมีอาชีพข้าราชการตำรวจมาก่อนและมีที่ดินทำกินอยู่ก่อนแล้วย่อมไม่ใช่ผู้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์เข้าใช้ประโยชน์ในที่ดิน นิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) ตามระเบียบที่อธิบดีกรมสหกรณ์ที่ดินกำหนด จึงไม่มีคุณสมบัติถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวและการเข้าทำประโยชน์ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยนั่นเอง
2.ในการถือครองที่ดินประเภท นิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) กำหนดไว้ให้สมาชิกเป็นผู้ถือครองเท่านั้นและไม่สามารถ ซื้อขายหรือโอนให้บุคคลภายนอกได้ เว้นแต่ตกทอดสู่ทายาทโดยธรรมเท่านั้น
ในกรณีนี้เท่ากับว่า กรณี พี่จอนนี่ มือปราบ ไม่ใช่ทั้งสมาชิกนิคมสหกรณ์และไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ตามประกาศกระทรวง จึงมีสถานะเป็นบุคคลภายนอกที่ทำการบุกรุกที่ดินนิคมตาม มาตรา 15 ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 นั่นเอง
สำหรับวันนี้เอาแค่พอเดี๋ยวรอบหน้ามาว่ากันว่าใครจะได้รับความเสียหายบ้างและมากน้อยแค่ไหนหากพี่จอนนี่ดำเนินการร้องเรียนต่อแบบนี้






