- 13 ก.ค. 2568
5 จังหวัดดาวรุ่งเมืองไทย น่าลงทุนปี 2568 กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนอยู่ใช่ไหม? ปี 2568 นี้ เตรียมตัวให้พร้อมกับ 5 จังหวัดทั่วไทยที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน
เปิด “5 จังหวัดในประเทศไทย” ที่กำลังเติบโต และ น่าลงทุน ในปี 2568 กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนอยู่ใช่ไหม? ปี 2568 นี้ เตรียมตัวให้พร้อมกับ 5 จังหวัดทั่วไทยที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน
5 จังหวัดในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่ ชลบุรี, ระยอง, สมุทรสงคราม, นครนายก, และสระแก้ว โดยแต่ละจังหวัดมีปัจจัยส่งเสริมการเติบโตที่แตกต่างกันไป ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน
ทำเลที่ดิน 5 จังหวัดที่น่าจับตามอง
1. ชลบุรี
เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลตะวันออก มีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC).
2. ระยอง
เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในพื้นที่ EEC ที่มีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งทะเลและธรรมชาติ.
3. สมุทรสงคราม
จังหวัดเล็กๆ ที่มีเสน่ห์และศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการเกษตร รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ.
4. นครนายก
มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย และเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง.
5. สระแก้ว
มีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งที่สำคัญ รวมถึงเป็นประตูการค้าชายแดน.
ปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของที่ดินใน 5 จังหวัดนี้ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม, การท่องเที่ยว, และการคมนาคมที่สะดวกสบาย. การลงทุนในที่ดินในพื้นที่เหล่านี้จึงเป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโต
แนวโน้มธุรกิจ/อุตสาหกรรมปี 2568-2570: นิคมอุตสาหกรรม
มุมมองวิจัยกรุงศรี
นิคมฯ พื้นที่ภาคตะวันออก: รายได้มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นกว่าพื้นที่อื่นๆ คาดว่าความต้องการซื้อหรือเช่าที่ดินจะขยายตัวในเกณฑ์ดี อานิสงส์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนโครงการ EEC ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา (คาดว่าจะเพิ่มปราจีนบุรีในปี 2568) ซึ่งจะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาครัฐให้การส่งเสริม อย่างไรก็ตาม อุปทานใหม่ (พื้นที่ใหม่และการขยายพื้นที่ของนิคมฯ เดิม) มีแนวโน้มขยายตัวค่อนข้างจำกัด เนื่องจากราคาที่ดินในพื้นที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพเริ่มหายากมากขึ้น
นิคมฯ พื้นที่ภาคกลาง: รายได้คาดว่าจะยังเติบโตดี โดยเฉพาะรายได้จากค่าบริการสาธารณูปโภค และค่าเช่า เนื่องจากนิคมฯ พื้นที่ภาคกลางมีความได้เปรียบด้านการคมนาคมขนส่งมากกว่าเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ขณะที่การขยายพื้นที่ของผู้ประกอบการยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากพื้นที่ที่มีศักยภาพกระจุกอยู่เพียงกรุงเทพฯ สมุทรปราการ อยุธยา และสระบุรี เท่านั้น
นิคมฯ พื้นที่อื่นๆ: รายได้มีแนวโน้มทรงตัว ตามความต้องการซื้อหรือเช่าที่ดินที่ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากยังต้องรอการพัฒนาจากนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ เส้นทางคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงมีแนวโน้มที่นิคมฯ ในพื้นที่นี้อาจจะยังเติบโตช้ากว่าพื้นที่ข้างต้น ทำให้รายได้ของนิคมฯ ในพื้นที่นี้มีแนวโน้มเติบโตได้จำกัด
ข้อมูลทั้งหมดเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม หากอยากทราบราคาที่ดินสามารถ สอบถามราคาประเมินที่ดิน โทร. 0 2270 0360 ต่อ 63 และ Call Center กรมธนารักษ์ โทร. 0 2059 4999
ขอบคุณข้อมูล : มุมมองวิจัยกรุงศรี และ กรมธนารักษ์






