ชัดแล้ว "แสงปริศนา" เหนือน่านฟ้าไทย เมื่อคืน ที่แท้คือแสงอะไร

"อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความ โดยได้ระบุว่า

"แสงที่เห็นเมื่อคืน ไม่ใช่โดรน แต่เป็นดาวตกชนิดระเบิด จากฝนดาวตกวันแม่ ครับ"

เมื่อคืนตอนใกล้ๆ เที่ยงคืน มีรายงานการเห็นแสงประหลาดบนท้องฟ้า พุ่งลงมาเป็นสีสว่างเขียว ในหลายจังหวัดของประเทศ แถมบางคนได้ยินเสียงดังตามมาด้วย (ดูคลิปได้ในลิงค์ด้านล่าง) ทำให้หลายคนแตกตื่นกันว่า เป็น "โดรน" จากประเทศเพื่อนบ้านหรือเปล่า ?

ซึ่งไม่ใช่นะครับ ลักษณะลูกไฟพุ่งลงมาบนท้องฟ้าแบบนี้ คือ ดาวตกครับ ซึ่งลูกนี้นับว่าเป็น "ดาวตกชนิดระเบิด หรือ โบไลด์ (bolide) " แถมมีข้อมูลจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ กลุ่มฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ (Perseids) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “ฝนดาวตกวันแม่” ครับ

แถมด้วยว่า ช่วงนี้หลายคนคงกังวลกับเรื่องของ "โดรน" ก็ให้สังเกตความแตกต่างของแสงที่เห็นบนท้องฟ้า ด้วยครับ

ถ้าเป็นลูกไฟ ค่อนข้างสว่าง พุ่งจากทิศหนึ่งลงไปอีกทิศหนึ่ง ค่อนข้างเร็ว ก็จะเป็นพวก "ดาวตก" .. ถ้าเป็นจุดแสง เคลื่อนผ่านท้องฟ้า แต่ค่อนข้างช้า ก็น่าจะเป็นพวกดาวเทียม หรือสถานีอวกาศ (ยิ่งถ้าเรียงจุดๆ หลายอันต่อกัน ก็น่าจะพวกดาวเทียมสตาร์ลิงค์) .. และถ้าเป็นจุดสว่าง อยู่กับที่ ก็อาจจะเป็นดาวเคราะห์ (เช่น ดาวศุกร์) หรือดาวฤกษ์ที่สว่างมาก

ส่วนถ้าเป็นแสงไฟกระพริบ และเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนทิศทางได้ จึงจะน่าเป็นพวกอากาศยาน ซึ่งอาจจะเป็นเครื่องบิน หรือโดรนก็ได้ (แต่โดรนมักจะบินต่ำกว่าเครื่องบินมาก และบางรุ่นก็มีเสียงใบพัดที่ค่อนข้างดัง)
 

สรุปข้อมูลจาก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (ดูลิงค์ด้านล่าง)

- มีรายงานพบเห็น ลูกไฟสีเขียวขนาดใหญ่ วิ่งพาดผ่านท้องฟ้า เป็นแนวยาวประมาณ 10 วินาที พุ่งจากทางทิศตะวันออก พร้อมได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายเสียงระเบิดตามมา

- ช่วงคืนวันที่ 3 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 23:52 - 23:55 น.

- เห็นได้จากหลายพื้นที่ ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร อ่างทอง นครนายก นนทบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ สุรินทร์

- คาดว่าเป็นดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ที่มีความสว่างมากกว่าแมกนิจูดปรากฏ -14.0 เป็นต้นไป (สว่างมากกว่าดวงจันทร์เต็มดวง)

- โดยทั่วไป มีระดับความสูงอยู่ที่ 80 ถึง 120 กิโลเมตร จึงสามารถสังเกตเห็นได้หลายพื้นที่

- อาจเป็นส่วนหนึ่งของฝนดาวตก เพอร์เซอิดส์ (Perseids) หรือ “ฝนดาวตกวันแม่” ซึ่งเกิดในช่วงวันที่ 17 กรกฎาคม - 24 สิงหาคมของทุกปี

- ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ มีอัตราการตกเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 100 ดวงต่อชั่วโมง ในคืนวันที่ 12 ถึงรุ่งเช้า 13 สิงหาคม 2568

- เกิดจากเศษฝุ่นของดาวหางสวิฟท์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) ที่หลงเหลืออยู่ในแนววงโคจร เมื่อโลกเคลื่อนผ่าน เศษฝุ่นจะถูกแรงโน้มถ่วงดึงเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และลุกไหม้ จนเกิดเป็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้า

- มีลักษณะเด่นคือ สีเขียวสดใส จากองค์ประกอบของแมกนีเซียม ไม่มีผลกระทบต่อโลก

- ในแต่ละวัน มีดาวตก อันเกิดจากวัตถุขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลก เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ ตกในพื้นที่ห่างไกลผู้คน จึงไม่พบเห็นได้ ดาวตกนั้น จึงเป็นเรื่องปกติอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์