- 14 ส.ค. 2568
นี่สินะที่ "ยืนงงในดงลิง" เปิดข้อมูลที่ทำ "ทนายเกิดผล" สีหน้าเปลี่ยนกลางรายการ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ
เข้มข้นทุกขณะกับกรณีของ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” และ “วัดพระบาทน้ำพุ” หลังจากเมื่อวานสัมภาษณ์หมอบีและทนายความส่วนตัวไปแล้ว โดย หนุ่ม กรรชัย ได้ร่วมพูดคุยกับ ทนายเกิดผล แก้วเกิด อดีตทนายความที่วัดพระบาทน้ำพุเคยแต่งตั้งให้ดูแลคดีหมอบี แต่ภายหลังเกิดความขัดแย้งจนถอนตัวจากคดี แต่ยังเป็นที่ปรึกษากฎหมายของวัด , อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา และ ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล
ช่วงเริ่มรายการ ทนายเกิดผลได้ตอบคำถามเกี่ยวกับข้อความที่ตนโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” โดยมีข้อความว่า “ยืนงง ในดงลิง คืออะไร ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อ เหนื่อยชิxหาย” และอีกข้อความว่า “ใบบัวบก ทั้งทุ่ง ยังเอาไม่อยู่ อูยยย...เจ็บแสบบบบ” ซึ่งเจ้าตัวอธิบายว่ารู้สึกสับสนและงุนงง จากที่เดิมทำหน้าที่ทนาย กลับกลายเป็นเหมือนเหยื่อเสียเอง เนื่องจากเจอสองเหตุการณ์สำคัญ
เหตุการณ์แรกคือการถอนตัวจากการเป็นทนายความให้วัดพระบาทน้ำพุ โดยทนายเกิดผล ระบุว่า ขอถอนตัวจากการเป็นทนายความให้หลวงพ่ออลงกต และวัดพระบาทน้ำพุ ด้วยเหตุผลหลักเรื่องสุขภาพไม่แข็งแรง และเพื่อให้การทำงานของคณะทนายความที่สภาทนายความแต่งตั้งขึ้นใหม่เป็นเอกภาพ เนื่องจากสภาทนายความได้ตั้งคณะทำงานชุดใหม่เพื่อคลี่คลายคดีอย่างเป็นทางการ พร้อมขอให้สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลจากทีมทนายชุดใหม่แทน
ขณะที่สภาทนายความออกมาชี้แจงว่ายังไม่ได้มีการตั้งทีมทนายเพื่อช่วยเหลือคดีของวัดพระบาทน้ำพุ เนื่องจากคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะ จึงทำให้เกิดความเห็นไม่ตรงกันระหว่างทนายเกิดผลที่ยืนยันว่ามีการตั้งคณะทำงาน กับสภาทนายความที่ปฏิเสธเรื่องนี้
เหตุการณ์ที่สองคือประเด็นคำพูดของทายาทอดีตไวยาวัจกรวัดพระบาทน้ำพุ ที่ทนายเกิดผลระบุว่า ทายาทไม่ยอมคืนทรัพย์สินให้กับวัด และพูดว่า “อยากได้ก็ไปฟ้องเอา” โดยข้อมูลนี้ทนายเกิดผลยืนยันว่าได้ฟังมาจากทางวัด ในการประชุม กรรมการพูดเองกลางวงประชุมว่า ไปตามทวงของแล้วได้คำตอบมาแบบนี้
แต่ต่อมาทายาทอดีตไวยาวัจกรได้ติดต่อผ่านแพรรี่ ไพรวัลย์ เพื่อชี้แจงว่าไม่เคยพูดประโยคดังกล่าว และยืนยันว่าตนและครอบครัวได้คืนทรัพย์สินให้กับวัดไปหมดแล้ว ทั้งที่ดินราว 740 ไร่ เงินสด 2.7 ล้านบาท และรถยนต์ 11 คัน ซึ่งทางวัดพระบาทน้ำพุเองก็ยืนยันเช่นกันว่าไม่เคยมีคำพูดในลักษณะดังกล่าว พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อตัวทายาทอดีตไวยาวัจกร
จากนั้นก็มีการเผยแพร่เอกสารซึ่งอ้างว่าเป็นข้อมูลทรัพย์สินที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ถือครองกรรมสิทธิ์ พบว่ามีทั้งโรงแรม โรงเรียน โครงการที่อยู่อาศัย ไร่ และที่ดินจำนวนมาก รวมถึงสนามฟุตบอล รวมมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
โดยตามเอกสาร ระบุว่า วัดพระบาทน้ำพุถือครองอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่
- โรงแรม มูลค่า 35,000,000 บาท
- โรงเรียน มูลค่า 60,000,000 บาท
- โครงการบ้านจัดสรรสุดหรู ที่ ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มูลค่า 66,000,000 บาท
- โกดังเก็บของบริจาค ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านจัดสรรสุดหรูดังกล่าว
- ไร่ พื้นที่กว่า 100 ไร่
- สนามฟุตบอล 6 สนาม
- ที่ดินในอำเภอหนองม่วงและอำเภอโคกเจริญ รวมกว่า 2,000 ไร่
ที่พีกกว่านั้นคือ ที่ดินต่างๆ ถูกกระจายออกไปเป็นชื่อของบุคคลต่างๆ ไม่ใช่ชื่อของวัด บางคนที่ถือครองที่ดิน อดีตเคยมีตำแหน่งใหญ่ ในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดลพบุรีด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามทนายเกิดผลว่า ในช่วงที่ทำคดีให้วัดพระบาทน้ำพุ เคยรู้ไหมว่า มีเรื่องราวแบบนี้ด้วย ทนายเกิดผลทำหน้าอึ้งๆ งงๆ บอกว่า “ไม่เคยรู้เลย” รู้แค่เรื่องสนามฟุตบอล กับโครงการดูแลเด็กๆ ที่เคยให้ภรรยาของตนไปสอนทำขนม อันนี้มีจริง แต่เรื่องที่ดินที่กระจายไปหลายมือ ไม่เคยรู้ ทำเอาคนดูในช่องทางออนไลน์ แห่คอมเมนต์แซวทนายเกิดผลว่า “ยืนงงในดงลิง ของจริง”






