- 03 ก.ย. 2568
หมอเจดเผยงานวิจัยไทยพบสารอะฟลาท็อกซินในถั่วลิสงเกือบทั้งหมด เสี่ยงมะเร็งตับสูง โดยเฉพาะถั่วบด พร้อมแนะนำเลือกถั่วปลอดภัยและเก็บให้ถูกวิธี
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
วิจัยไทยเผย! “ถั่วลิสง” อาหารใกล้ตัว แต่เสี่ยงมะเร็งตับ
เวลาพูดถึงมะเร็งตับ หลายคนน่าจะนึกถึงสาเหตุหลักๆที่เรานึกถึงคือ “ดื่มเหล้าบ่อย ๆ” ใช่ไหมครับ
ตอนนี้วิจัยจากไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (2013–2014) น่าสนใจมาก
คนแชร์กันเต็มฟีดเลย เพราะไปตรวจเจอสารพิษแฝงที่ชื่อว่า อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ในถั่วลิสงและผลิตภัณฑ์ถั่วลิสง
ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อ มะเร็งตับ
วันนี้มจะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า งานวิจัยนี้เจออะไร ทำไมมันถึงอันตราย และเราควรระวังยังไง
แต่บอกไว้ก่อนนะ ผมไม่ได้ห้ามกินถั่วนะ แต่เราต้องเลือกินดีๆ อ่านให้จบนะครับ เพราะตอนท้ายบอกวิธีเลือก และลดความเสี่ยงอยู่
1. อะฟลาท็อกซินคืออะไร ทำไมถึงต้องกลัว
ใครที่ตามเพจผมเชื่อว่าน่าจะเคยได้ยินชื่อเชื้อรานี้บ้างนะ
อะฟลาท็อกซินคือสารพิษจากเชื้อรา Aspergillus flavus และ A. parasiticus
เชื้อรานี้ชอบโตในอาหารที่เก็บไว้นานและมีความชื้น เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง ข้าว
สิ่งที่น่ากลัวคือ องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดอะฟลาท็อกซินเป็น สารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 (Group 1 carcinogen
) มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งตับในมนุษย์
ถ้าใครมีโรคตับอยู่แล้ว เช่น ไวรัสตับอักเสบ B หรือ C ความเสี่ยงจะสูงขึ้นไปอีกหลายเท่า
2. งานวิจัยเจออะไรในถั่วลิสงไทย
นักวิจัยเก็บ ตัวอย่างถั่วลิสง 60 ตัวอย่าง จากตลาดทั้งค้าปลีกและค้าส่งในกรุงเทพฯ แล้วเอามาตรวจวิเคราะห์
ผลคือ
•ถั่วดิบ: 80% พบปนเปื้อน
•ถั่วคั่วและถั่วบด: 100% เจอทุกตัวอย่าง
•ถั่วบด: ปริมาณสูงสุด 362.48 ng/g (เฉลี่ย ~68 ng/g)
•ถั่วคั่ว: ค่าเฉลี่ย ~18 ng/g แต่ก็ยังเจอทุกตัวอย่าง
พูดให้เข้าใจง่ายๆคืิถั่วลิสงในตลาดแทบทั้งหมดปนเปื้อน เพียงแต่อยู่ในระดับต่างกัน โดยเฉพาะ ถั่วบด ที่เสี่ยงที่สุด
3. แล้วกระทบสุขภาพยังไง?
งานวิจัยประเมินว่า
•คนทั่วไปได้รับสารนี้จากถั่วบดมากกว่าถั่วชนิดอื่นหลายเท่า
•เด็กเล็ก ได้รับสารมากกว่าผู้ใหญ่เกือบ 2.5 เท่า เพราะตัวเล็กแต่กินถั่วบดในปริมาณพอ ๆ กัน
เมื่อคำนวณความเสี่ยง → ประมาณ 0.01–0.12 ราย/แสนคน/ปี
อาจดูเป็นตัวเลขเล็ก ๆ แต่พอคิดว่าคนไทยกินถั่วแทบทุกวัน ทั้งส้มตำ น้ำพริก ผัดไทย… ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยครับ
4. ไม่ได้มีแค่ถั่วลิสง อะฟลาท็อกซินเจอที่ไหนอีก
หลายคนอาจคิดว่ากินถั่วน้อยก็จบ แต่จริง ๆ แล้วสารนี้ยังเจอในอาหารอื่น ๆ อีก โดยเฉพาะของที่เก็บไว้นานและเสี่ยงขึ้นรา เช่น
•ข้าวโพด → ถ้าใช้ทำอาหารสัตว์ ก็อาจสะสมในเนื้อสัตว์/นม
•พริกแห้ง สมุนไพรแห้ง → ถ้าตากแดดไม่พอหรือเก็บไม่ถูกวิธี
•ข้าว → โดยเฉพาะข้าวเก่าหรือข้าวที่เก็บในโกดังชื้น
•นมและผลิตภัณฑ์นม → เจอได้ในรูป Aflatoxin M1 เพราะวัวกินอาหารปนเปื้อน
ข้อมูลจาก FAO ยังบอกว่า การได้รับอะฟลาท็อกซินของคนไทยกว่า 90% มาจาก “ถั่วลิสง” นี่แหละ เราเลยต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
5. เราจะป้องกันตัวเองยังไง
1. ไม่ได้ห้ามกินถั่วนะครับ → ถั่วลิสงยังมีประโยชน์ โปรตีน ไขมันดี ใยอาหาร แต่ต้อง “เลือกให้ดี กินให้พอดี เก็บให้ถูก”
2. เลี่ยงอาหารที่เสี่ยงขึ้นรา เช่น ถั่วที่เก็บไว้นาน มีจุดดำ หรือกลิ่นอับ
3. วิธีเก็บสำคัญ → เก็บในที่แห้ง เย็น ปิดสนิท
4. กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ → เด็กเล็ก คนมีโรคตับ หรือพาหะไวรัสตับอักเสบ
5. ระดับประเทศ → ต้องเข้มงวดเรื่อง GAP และตรวจคุณภาพจริงจัง
ผมเองก็กินถั่วบ่อยนะ เดี๋ยวสรุปให้ฟังว่าจะเลือกกินถั่วยังไง
•เลือกถั่วจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีบรรจุภัณฑ์ชัดเจน
•ไม่ซื้อถั่วที่มีคราบดำ จุดขึ้นรา หรือกลิ่นผิดปกติ
•ถั่วคั่วใหม่ ๆ จะเสี่ยงน้อยกว่าถั่วเก่าที่เก็บไว้นาน
•เก็บถั่วในภาชนะปิดสนิท วางในที่แห้งและเย็น
•ถ้ามีเชื้อรา แม้เล็กน้อย ควรทิ้งทันที ไม่ควรตัดส่วนที่เสียออกแล้วกินต่อ
•อะฟลาท็อกซินทนความร้อน การคั่วหรือปรุงอาหารทั่วไปทำลายได้ไม่มาก
ฝากนะทุกคน งานวิจัยไทยเจอว่า ถั่วลิสงเกือบทั้งหมดในตลาดปนเปื้อนอะฟลาท็อกซิน โดยเฉพาะถั่วบดที่มีสารสูงมาก กินบ่อย ๆ เสี่ยงมะเร็งตับได้
แต่ก็ต้องย้ำว่า มะเร็งตับไม่ได้เกิดจากอะฟลาท็อกซินอย่างเดียว ปัจจัยเสี่ยงอื่นก็สำคัญ เช่น
•ไวรัสตับอักเสบ B และ C
•ไขมันพอกตับ (NAFLD/NASH)
•การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
เพระาฉะนั้น ถ้าอยากลดความเสี่ยงจริง ๆ ไม่ใช่แค่เลือกถั่วให้ปลอดภัย แต่ต้องดูแลตับรอบด้าน
เช่น ตรวจสุขภาพตับประจำปี คุมน้ำหนัก ลดหวานมัน เค็ม คุมเบาหวาน ความดัน และงดเหล้าเบียร์ไปด้วยครับ
แบบนี้จะลดความเสี่ยงมะเร็งตับได้เยอะเลย ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ






