- 05 ต.ค. 2568
ทำไม "กินไก่เยอะ" ถึงเสี่ยงเป็นโรคเกาต์ สาเหตุหลักมาจากการที่อาหารเหล่านี้มีสารสำคัญที่กระตุ้นให้ระดับกรดยูริกในร่างกายสูงขึ้น ดังนี้
ไขข้อสงสัย ทำไม "กินไก่เยอะ" ถึงเสี่ยงเป็นโรคเกาต์ วันนี้มีคำตอบ เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องว่าการบริโภคเนื้อสัตว์ปีก รวมถึงเครื่องในสัตว์ปีกในปริมาณที่มากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด โรคเกาต์ ได้ สาเหตุหลักมาจากการที่อาหารเหล่านี้มีสารสำคัญที่กระตุ้นให้ระดับกรดยูริกในร่างกายสูงขึ้น ดังนี้
สาเหตุหลัก: สาร "พิวรีน" ตัวร้าย
มีสารพิวรีนสูง: ในเนื้อสัตว์ปีก เช่น ไก่ เป็ด ห่าน รวมถึง เครื่องในสัตว์ มีสารประกอบที่เรียกว่า "พิวรีน" (Purine) ในปริมาณสูง
เปลี่ยนเป็นกรดยูริก: เมื่อเราบริโภคอาหารที่มีพิวรีนสูง ร่างกายจะย่อยสลายสารนี้จนกลายเป็น กรดยูริก (Uric Acid)
ยูริกสะสม: โดยปกติร่างกายจะขับกรดยูริกส่วนเกินออกไปได้เอง แต่หากมีการผลิตยูริกมากเกินไปจากการกินอาหารที่มีพิวรีนสูง หรือร่างกายมีปัญหาในการขับออก ยูริกจะเกิดการ ตกค้างและสะสม อยู่ในกระแสเลือด
กลไกการเกิดโรคเกาต์
เมื่อกรดยูริกที่ตกค้างในเลือดมีปริมาณสูงเกินขีดจำกัด มันจะเริ่มตกผลึกกลายเป็น ผลึกรูปเข็ม ไปสะสมตามข้อต่อและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณ ข้อขา ข้อต่อนิ้วเท้า และข้อเข่า
การสะสมของผลึกนี้จะทำให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบอย่างรุนแรงตามมา ส่งผลให้มีอาการ:
- ปวดรุนแรง
- บวม
- แดง
- ร้อน บริเวณข้อต่อที่เกิดการอักเสบ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็น โรคเกาต์ ในที่สุด
คำแนะนำ: หากคุณมีอาการปวด บวม แดงบริเวณข้อต่ออย่างเฉียบพลัน ควรรีบไป พบแพทย์ เพื่อตรวจระดับกรดยูริก หาสาเหตุ และรับการรักษาที่เหมาะสมทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมา
ที่มาของข้อมูล: อ้างอิงตามข้อมูลทางการแพทย์และโภชนาการเกี่ยวกับสารพิวรีนในเนื้อสัตว์และการเกิดโรคเกาต์
ขอบคุณที่มาจาก : ทำไม…กินไก่เยอะถึงเสี่ยงโรคเก๊าท์ Phyathai Hospital






