ครูไปกราบตักขอโทษแม่นร.ถึงบ้าน จู่ๆ ทำสิ่งที่ไม่คาดคิดต่อหน้า

จากกรณีเกิดเหตุเด็กชายวัย 7 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดลำปาง ถูกครูประจำชั้นใช้ไม้บรรทัดเหล็กตีเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง หลังจากแอบหยิบขนมบนโต๊ะครูมากิน จนแก้มซ้ายและขอบตาช้ำแดงชัดเจน

เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลายฝ่ายมองว่าการลงโทษดังกล่าวรุนแรงเกินไป เพราะเด็กยังเล็กและเป็นศิษย์ของครูเอง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ของเด็กชาย เปิดเผยว่า ครูผู้ก่อเหตุพร้อมแม่ของเขาได้เดินทางมาขอโทษถึงบ้าน โดยก้มกราบและนำกระเช้ามามอบให้ รวมทั้งขอเจรจาไกล่เกลี่ยที่ สภ.แม่เมาะ พร้อมยอมชดใช้ค่าเสียหายเพื่อไม่ให้ครูถูกให้ออกจากราชการ แต่ตนยืนยันไม่ยอมความ และต้องการเอาผิดทางกฎหมายให้ถึงที่สุด อีกทั้งยังไม่ยอมรับกระเช้าที่นำมาให้ด้วย

 

แม่ของเด็กชาย ยังบอกอีกว่า  แม่ของครูรายดังกล่าวได้เดินทางมาพร้อมกับลูกชายของเขาซึ่งเป็นครูคนที่ตีลูกชายของตน โดยไม่ได้บอกว่าจะมา พร้อมนำกระเช้าเพื่อมาขอโทษแต่ตนไม่ยอมและบอกว่า เรื่องมันมาไกลแล้ว แต่ที่น่าตกใจมาก ก็คือจู่ ๆ ครูเขาก็ตบหน้าตัวเองไปหลายครั้ง แม่เขาก็เลยห้ามว่า อย่าทำแบบนั้น ตนก็บอกเขาไปตรงๆว่าไม่ให้อภัยนะ แม่เขาก็อ้างว่าครูเป็นโรคซึมเศร้า

 

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านจำนวนมากได้พากันมาเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวของเด็กชาย พร้อมนำขนมและสิ่งของมาให้ เด็กชายยอมรับว่ายังเจ็บที่แก้มซ้ายและคางขวา แต่ปลอดภัยแล้ว และดีใจที่ได้กินขนมมาร์ชแมลโลว์จากหลาย ๆ คนที่ส่งมาให้

 

ด้านนางธนายุทธ คำภีระ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้เข้าเยี่ยมครอบครัว พร้อมเปิดเผยว่า ผู้อำนวยการ สพป.ลำปาง เขต 1 ได้ลงนามคำสั่งย้ายครูชายผู้ก่อเหตุไปประจำที่สำนักงานเขตฯ ชั่วคราวแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจะเร่งดำเนินการ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ก่อนเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัย ส่วนเรื่องการพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
 

อย่างไรก็ตามมีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ครูชายผู้ก่อเหตุได้ยื่นหนังสือลาออกต่อผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว โดยหนังสือลาออกมีผลในวันนี้ทันที และจะถูกส่งต่อไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางราชการ