- 07 ต.ค. 2568
ฮือฮา เสี่ยล้งทุเรียน โพสต์จ้าง ทีมตบชู้ลูกชาย ครั้งละ 30,000 บาท กู้ศักดิ์ศรีสะใภ้ พร้อมสัญญาว่าจ่ายค่าตำรวจและให้ตบจนกว่าเหยื่อจะเลิกกับลูกชาย
เรื่องราวดราม่าจากเฟซบุ๊กกลายเป็นไวรัลเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ผู้ใช้ชื่อ “อานนท์ รถทอง” โพสต์ข้อความประกาศรับสมัครทีมไปทำร้ายหญิงที่ถูกระบุว่าเป็นชู้ของลูกชาย โดยเสนอค่าจ้างทีมละ 30,000 บาทต่อครั้ง พร้อมระบุเงื่อนไขและวิธีการชำระเงิน ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์
โพสต์ดังกล่าวระบุว่าเปิดรับ “ทีมตบประจำหลังสวน” ให้ทำการตบผู้หญิงที่อานนท์กล่าวหาเป็นเมียน้อย ครั้งละอย่างน้อย 10 ครั้ง ทีมที่ไปก่อนมีสิทธิ์รับเงิน 30,000 บาททันที แล้วทีมถัด ๆ ไปที่เจอผู้หญิงคนเดียวกันก็สามารถตบแล้วรับค่าจ้างได้ตามที่ตกลง ผู้โพสต์ยังเขียนถึงสาเหตุของความโกรธว่า เพราะคนดังกล่าวแย่งแฟนของผู้อื่น ทั้งที่ตนเองมีสามีอยู่แล้ว และกล่าวถึงการจ่ายเงินจาก “พ่อผัว” ที่พร้อมจ่ายให้กับผู้ที่ลงมือ พร้อมขอให้ผู้บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ตรวจสอบรถที่อ้างถึงด้วย
พ่อผัวจ่ายค่าตบให้ลูกสะใภ้ครับ แล้วก็ให้ตบได้ทั่วราชอาณาจักรใครตบ เสร็จถ่ายรูปมาครับตบได้ทุกวัน จนกว่ามันจะเลิกกับลูกชาย (อยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกที่ ของอำเภอหลังสวน และตะโกถ้าเจอรถสี่ประตู ฟอร์ดแร็พเตอร์ ทะเบียน 3456 จันทบุรี สีดำ อยากให้จับอาวุธ ข้าวหลามมีอยู่สองกระบอก 11.มม กลับ9 มม ครับ มองแล้วลูกชายไม่ปกติเหมือนโดนวางยาครับ ขอเจ้าหน้าที่คนไหนสภ. ไหนจับได้ผมในฐานะพ่อครับ ขอเลี้ยง กาแฟ 50,000 บาท ครับคิดว่าสงสารคนแก่ๆครับ”
หลังโพสต์เผยแพร่ ชาวเน็ตจำนวนหนึ่งแสดงความเห็นเห็นอกเห็นใจผู้เป็นพ่อที่ต้องการปกป้องครอบครัว ขณะที่อีกหลายฝ่ายเตือนถึงความผิดทางกฎหมายและการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง การโพสต์ดังกล่าวจึงกลายเป็นที่พูดถึงอย่างรวดเร็ว
ผู้โพสต์ชี้แจงต่อว่า หญิงที่ถูกกล่าวหาเป็นลูกจ้างตำแหน่งเสมียนของล้งผลไม้ มีความสัมพันธ์กับหลานชายของตนจนได้สถานะเหมือนเป็นลูกสะใภ้ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ปีกว่า ก่อนจะพบว่าเข้าไปมีสัมพันธ์กับลูกชายของตนอีกคน ทั้งที่ลูกชายมีภรรยาแล้ว ก่อนหน้านี้ให้เงินไป 6-7ล้าน เอาเงินไปเปย์ผู้หญิงคนนี้หลอกหมด แทนที่จะเอาไปลงทุนทำธุรกิจต่อยอด
เหตุการณ์บานปลายเมื่อลูกสะใภ้เดินทางไปพบลูกชายและหญิงคนงาน เกิดเหตุมีปากเสียงจนลูกชายหยิบอาวุธปืนออกมาข่มขู่ ทำให้ลูกสะใภ้ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านในหูตแล้ว เบื้องต้นข่าวแพร่หลายบนโซเชียลมีเดีย ขณะที่ชาวเน็ตให้ความเห็นทั้งฝ่ายเห็นใจและฝ่ายเตือนว่าการชักชวนให้ทำร้ายผู้อื่นเข้าข่ายความผิด






