- 08 ต.ค. 2568
"น้องข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลงอาการดีต่อเนื่อง เริ่มยืนเองได้ ทีม มช. ร่วมใช้เครื่อง PMS ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อฟื้นฟูร่างกาย
อัปเดตล่าสุด "น้องข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลงอาการดีขึ้นต่อเนื่อง กินนมได้ ขับถ่ายปกติ ทีมสัตวแพทย์เผยเริ่มมีกำลังยืนเองได้บ่อยขึ้น พร้อมทีมกายภาพบำบัดจาก มช. ร่วมใช้เครื่องกระตุ้นแม่เหล็ก PMS ฟื้นฟูกล้ามเนื้อเต็มกำลัง ร่าเริงสดใส อ้อนทีมงานสุดพลัง
ทีมสัตวแพทย์รายงานความคืบหน้าอาการ "น้องข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลงประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ระหว่างเวลา 06.00–20.00 น. โดยผลการติดตามอาการล่าสุดพบว่าสุขภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ลูกช้าง "ข้าวต้ม" สามารถกินนมและน้ำได้ตามปกติ ขับถ่ายได้ดี อุจจาระมีลักษณะเนื้อครีม ปัสสาวะปกติ ไม่มีอาการปวดเบ่ง แผลบริเวณสะดือตื้นขึ้น แผลบริเวณอวัยวะเพศดีขึ้น ส่วนบริเวณเล็บยังคงต้องทำแผล พบหนองเล็กน้อย
เจ้าหน้าที่เผยว่า ข้าวต้มเริ่มมีกำลังมากขึ้น พยายามถีบตัวเองเพื่อยืนขึ้นบ่อยครั้ง โดยมีทีมสัตวแพทย์ช่วยพยุงตัว ยืดเหยียดขา และนวดกระตุ้นกล้ามเนื้อขณะเดิน พร้อมใช้เครื่องอัลตราซาวนด์บำบัดเพื่อฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อ
ด้านการรักษา ทีมสัตวแพทย์ได้ให้โปรไบโอติกเพื่อปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ และตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
นอกจากนี้ ทีมกายภาพบำบัดจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดย ผศ.ดร.ศิริพันธุ์ คงสวัสดิ์ เข้าร่วมการรักษาด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ชนิด Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) เพื่อช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อและเสริมการฟื้นตัวของลูกช้าง
สำหรับทีมสัตวแพทย์ผู้ดูแลประกอบด้วย
สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก
สพ.ญ.มัชฌมณ แก้วพฤหัสชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่)
สพ.ญ.กานต์พิชชา หาญอาษา นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)
น.สพ.วิศรุต ปิยะศิริศิลป์ นายสัตวแพทย์ กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า
ทั้งนี้ ทีมดูแลยืนยันว่าจะเฝ้าติดตามอาการของน้องข้าวต้มอย่างใกล้ชิดทุกช่วงเวลา เพื่อให้ลูกช้างป่าตัวน้อยกลับมาแข็งแรงสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด






