- 16 ต.ค. 2568
ร้านค้าใหม่เช็กเลย! เปิดขั้นตอนลงทะเบียนคนละครึ่งพลัส 2568 สำหรับร้านค้าที่ไม่เคยเข้าร่วม โดยรับสิทธิ์เริ่ม 29 ต.ค. นี้
ร้านค้าห้ามพลาด วิธีลงทะเบียน คนละครึ่งพลัส 2568 สำหรับร้านเข้าร่วมโครงการรายใหม่ ไม่เคยลงทะเบียนคนละครึ่งมาก่อน เริ่ม 15 ตุลาคม นี้ สรุปขั้นตอนและเงื่อนไขลงทะเบียนร้านค้า “คนละครึ่งพลัส” สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ตั้งแต่การเปิดบัญชีกรุงไทย สมัครแอปฯ ถุงเงิน เตรียมเอกสาร ยืนยันกิจการ ไปจนถึงรออนุมัติสิทธิ์ พร้อมกำหนดวันเริ่มใช้สิทธิ์คนละครึ่งพลัส 29 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
สรุปข้อมูลโครงการคนละครึ่งพลัส สำหรับร้านค้าที่ลงทะเบียนใหม่
1. ระยะเวลาโครงการและการลงทะเบียน
• ระยะเวลาโครงการทั้งหมด : เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568
• ช่วงเวลาลงทะเบียนร้านค้าใหม่ : สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึง 19 ธันวาคม 2568
• ร้านค้าเริ่มรับสิทธิ์วันแรก: วันที่ 29 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
• ช่วงเวลาใช้จ่าย : ตั้งแต่ 06.00 – 23.00 น. ของทุกวัน
• การลงทะเบียนฟู้ดเดลิเวอรี (สำหรับร้านอาหาร/เครื่องดื่ม) : ลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน ถึง 19 ธันวาคม 2568 โดยเริ่มรับสิทธิผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 (06.00-21.00 น.)
2. คุณสมบัติและประเภทกิจการที่เข้าร่วมได้
ร้านค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข และไม่เป็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ และไม่จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาสูบ
ร้านค้าบุคคลธรรมดา :
- ร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป
- ร้านค้า/บริการของวิสาหกิจชุมชน
- ผู้ประกอบการบริการ เช่น ร้านทำเล็บ ร้านทำผม
- ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ เช่น แท็กซี่ รถตู้ รถจักรยานยนต์รับจ้าง (ผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่สาธารณะ) หรือรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารที่ตรวจสอบได้ เช่น สามล้อถีบ
- ร้านให้บริการนวด สปา (ต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย)
ร้านค้านิติบุคคล/ธุรกิจเฉพาะ
- ร้านค้านิติบุคคลขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี (ยื่น ภ.ง.ด. 50 รอบบัญชี 2567 ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 68) ซึ่งขายอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป หรือให้บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และบริการขนส่งสาธารณะ
- ร้านค้าของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
3. ขั้นตอนการลงทะเบียนสำหรับร้านค้าใหม่
ร้านค้าใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ต้องดำเนินการตามขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
1. เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย หากยังไม่มี
2. สมัครเป็นร้านค้าถุงเงิน ผ่านเว็บไซต์ www.ถุงเงินกรุงไทย.com และรอการอนุมัติ
3. ดาวน์โหลด/อัปเดตแอปฯ ถุงเงิน เป็นเวอร์ชันล่าสุด
4. เตรียมเอกสารและแบบฟอร์มใบสมัคร : ดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครที่ตรงกับประเภทกิจการของตน
5. นำใบสมัครไปยืนยันการประกอบกิจการจริง: ต้องได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่รัฐ (เช่น เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน) ก่อน
6. ยื่นเอกสารสมัครเข้าร่วมโครงการ : นำเอกสารที่ได้รับการยืนยันแล้วไปยื่น ณ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ จุดตั้งบูธกระทรวงมหาดไทยร่วมกับธนาคารกรุงไทย(การพิจารณาอนุมัติใช้เวลาประมาณ 3 วัน)
7. รอรับการอนุมัติ : หากผ่านการอนุมัติ จะได้รับ SMS แจ้งเตือน และเมนู "คนละครึ่งพลัส" หรือแบนเนอร์ "คนละครึ่งพลัส" จะปรากฏบนแอปฯ ถุงเงิน
4. เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร
ร้านค้าต้องเตรียมเอกสารและแบบฟอร์มที่แตกต่างกันตามประเภทกิจการ
- บัญชีธนาคารกรุงไทย
- บัตรประจำตัวประชาชน
- รูปถ่ายร้านค้าที่มีรูปเจ้าของขณะประกอบกิจการ
แบบฟอร์มใบสมัคร (ต้องกรอกและได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่รัฐ)
- แบบฟอร์มสำหรับกระทรวงมหาดไทย : สำหรับร้านอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และร้านบริการที่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่รัฐ
- แบบฟอร์มสำหรับธนาคารกรุงไทย : สำหรับร้านค้าที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะ เช่น บริการนวด สปา, ขนส่งสาธารณะ, หรือร้านค้านิติบุคคลขนาดเล็ก
5. การรับเงินจากการขายสินค้า
หลังจากลูกค้าชำระเงินผ่านแอปฯ เป๋าตัง (QR ถุงเงิน) ร้านค้าจะได้รับเงิน 2 ส่วนโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยที่ผูกไว้
- เงินส่วนของประชาชน (G Wallet) จะได้รับตั้งแต่เวลา 02.00 น. เป็นต้นไป
- เงินสมทบจากภาครัฐ : จะได้รับตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป
- ข้อควรทราบเกี่ยวกับการใช้ QR Code ไม่สามารถนำ QR รับเงินที่สร้างจากแอปฯ ถุงเงินไปพิมพ์ติดไว้ที่ร้านให้ลูกค้าสแกนได้ เนื่องจาก QR รับเงินของร้านค้ามีอายุการใช้งานจำกัด ร้านค้าจะต้องสร้าง QR รับเงินเองครั้งละ 1 รายการเพื่อรับเงินจากลูกค้า






