เปิด 16 รายการสมุนไพรเถื่อนของกลาง ยึดกลางกรุงเกลี้ยง 5 ล้าน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันตรวจค้นร้านค้าไม่ได้รับอนุญาตจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร และขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

 

 

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับการประสานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้ตรวจสอบกรณีมีผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่มีเลขทะเบียนสมุนไพร กล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น บำรุงสมอง บำรุงหัวใจ ใช้ได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และสตรีมีครรภ์, แก้อัมพาต แก้ปวดตามข้อตามสันหลังและบั้นเอว แก้เส้นเอ็นพิการ สมานกระดูกที่แตกหรือหัก แก้ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แก้ถอนพิษแมลงกัดต่อย แก้คันตามผิวหนัง และใช้ใส่แผลสดก็ได้ ทาแก้ริดสีดวงทวารก็ได้ เป็นต้น

โดยมีการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และกระจายสินค้าไปยังหลายจังหวัดทั่วประเทศ จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบถึงสถานที่จำหน่ายและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย

โดยในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นร้านสมุนไพรแห่งหนึ่ง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พบ น.ส.รุ่ง (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี กำลังขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรผิดกฎหมายให้กับประชาชนทั่วไป โดยจากการตรวจค้นพบผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับทั้งสิ้น 16 รายการ ดังนี้

 

1. ยาหม่องคลายเส้น จำนวน 540 ขวด
2. ยาหม่องสมุนไพรสูตรงาดำ จำนวน 1,778 ขวด
3. ยาดมสมุนไพรไทย จำนวน 3,200 ขวด
4. น้ำมันว่าน จำนวน 1,706 ขวด
5. ยาหม่องสมุนไพรเสลดพังพอน จำนวน 1,774 ขวด
6. ครีมลำไย จำนวน 157 หลอด
7. น้ำมันสมุนไพร 9 กลิ่น จำนวน 80 ขวด
8. น้ำมันเขียว จำนวน 215 ขวด
9. ยาหม่องสมุนไพรสูตรพรหมรังสี จำนวน 2,914 ขวด
10. น้ำมันพระโมคคัลลาน จำนวน 1,980 ขวด
11. น้ำมันหม่องสมุนไพร จำนวน 360 ขวด
12. ยาหอมตำรับวัดโพธิ์ จำนวน 93 ขวด
13. น้ำมันโอสถทิพย์ จำนวน 4,502 ขวด
14. สมุนไพรสำหรับรับประทาน พรหมรังสี จำนวน 1,010 ขวด
15. ครีมขมิ้นทิพย์ สมุนไพรพรหมรังสี จำนวน 147 หลอด
16. ครีมนวดสมุนไพรไทย จำนวน 864 ขวด

รวมตรวจยึดของกลางเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนทั้งสิ้น 21,320 ชิ้น มูลค่ากว่า 4,264,000 บาท

 

โดยร้านค้าดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดย น.ส.รุ่งฯ รับว่าเรียนรู้และปรับปรุงสูตรสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ร่วมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ผลิตและจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไป ทั้งเปิดหน้าร้านและจำหน่ายทางออนไลน์ โดยสถานที่ดังกล่าวใกล้กับแหล่งท่องเที่ยว ทำให้มีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการยึดของกลาง 56 รายการ จำนวน 21,320 ชิ้น มูลค่ากว่า 5,000,000 บาท นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี

 

 

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562

ฐานขาย “ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ” ตามมาตรา 58 (4) แห่ง พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 91 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ฐาน “ไม่มีใบอนุญาตขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร” ตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 106 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ย้ำเตือนประชาชนให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ฉลากผลิตภัณฑ์มีการแสดงเลขที่ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับ ใบรับแจ้งรายละเอียด หรือใบรับจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร ก่อนซื้อทุกครั้ง และเลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ ซึ่งผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ผ่านการอนุญาตจาก อย. อันตรายและไม่สามารถทราบแหล่งผลิตหรือส่วนผสมที่แท้จริงได้

ทั้งนี้ หากพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่น่าสงสัย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน
Email: [email protected]
 Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

 

 

พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรมารับประทาน หรือใช้ภายนอกเพื่อรักษาโรค ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตที่ถูกต้องจากคณะกรรมการอาหารและยา และต้องซื้อจากร้านค้าที่ได้รับอนุญาตขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร ขอเตือนผู้ที่ลักลอบผลิตและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอมหรือที่ไม่ได้รับอนุญาต ให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลและกวาดล้างต่อไป หากตรวจพบจะดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะท่านกำลังทำให้ผู้บริโภคได้รับอันตราย เกิดผลกระทบกับร่างกายและเสียโอกาสได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ดังนั้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับตัวท่านเอง หากพบเบาะแสที่น่าสงสัย สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน บก.ปคบ. 1135 หรือเพจ “ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค”