- 01 พ.ย. 2568
ไวรัสซิกา ภัยเงียบอันตรายที่ควรระวัง แม้ว่าผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสซิกาส่วนใหญ่จะมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการเลย แต่เชื้อไวรัสนี้ถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
โรคติดเชื้อไวรัสซิกา (Zika) ที่มียุงลายเพศเมียเป็นพาหะหลัก อาจมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการเลยในคนส่วนใหญ่ แต่เชื้อไวรัสนี้กลับกลายเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับ หญิงตั้งครรภ์ เชื้อซิกาสามารถแพร่ผ่านรกไปยังทารกในครรภ์ได้โดยตรง นำไปสู่ความเสี่ยงสูงสุดของ ภาวะศีรษะเล็กแต่กำเนิด (Microcephaly) และความพิการทางสมองอื่น ๆ อย่างถาวร นี่คือเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลกเน้นย้ำว่า การป้องกันไวรัสซิกาคือภารกิจเร่งด่วนสำหรับหญิงตั้งครรภ์และผู้ที่วางแผนจะมีบุตร เพราะภัยเงียบนี้ได้เปลี่ยนจากการเป็นแค่ "ไข้จากยุง" ให้กลายเป็น "วายร้ายทำลายพัฒนาการ" ของทารกในครรภ์
ไวรัสซิกา ภัยเงียบอันตรายที่ควรระวัง โดยเฉพาะคนกลุ่มนี้
กลุ่มเสี่ยงสูงสุด: หญิงตั้งครรภ์
แม้ว่าผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสซิกาส่วนใหญ่จะมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการเลย แต่เชื้อไวรัสนี้ถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อ หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากสามารถแพร่จากแม่สู่ทารกในครรภ์ได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่อทารก เช่น
ภาวะศีรษะเล็กแต่กำเนิด (Microcephaly): เป็นความผิดปกติที่รุนแรงที่สุด โดยศีรษะของทารกจะมีขนาดเล็กกว่าปกติอย่างมาก เนื่องจากสมองเจริญเติบโตผิดปกติ
ภาวะพิการแต่กำเนิดของสมองและระบบประสาท (Congenital Zika Syndrome) เช่น มีหินปูนจับในสมอง หรือความผิดปกติในการมองเห็นและการได้ยิน
การแท้งบุตร หรือ ทารกเสียชีวิตในครรภ์
กลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ
ผู้ที่อาศัยหรือเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค: เนื่องจากเชื้อไวรัสซิกามี "ยุงลายเพศเมีย" เป็นพาหะหลัก
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน กับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสซิกา (เนื่องจากเชื้อสามารถแพร่ผ่านทางเพศสัมพันธ์ได้)
ทารกในครรภ์ ที่มารดามีประวัติการติดเชื้อซิกา (ดังที่กล่าวไปแล้ว)
ผู้ที่อาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท เช่น กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barré Syndrome) แม้จะพบได้น้อย แต่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อซิกา
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการ ป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ค่ะ
ขอบคุณที่มาจาก : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข






