ไล่ล่ากลางน้ำ จับแก๊งลอบขนต่างด้าวใช้สปีดโบ๊ทหนีข้ามแดน

ไล่ล่ากลางแม่น้ำ ตำรวจน้ำล่าจับกุมแก๊งลักลอบขนแรงงานเถื่อน 8 ราย พร้อมเรือสปีดโบ๊ท หลังพยายามหนีข้ามแดนไปมาเลเซีย

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบแก๊งลักลอบขนต่างด้าวหนีข้ามประเทศ

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ร่วมกันจับกุมแก๊งลักลอบขนต่างด้าวหนีข้ามประเทศ โดยมีผู้ต้องหา 8 ราย ดังนี้

 

ไล่ล่ากลางน้ำ จับแก๊งลอบขนต่างด้าวใช้สปีดโบ๊ทหนีข้ามแดน

ไล่ล่ากลางน้ำ จับแก๊งลอบขนต่างด้าวใช้สปีดโบ๊ทหนีข้ามแดน

  1. นายรูซูวันฯ อายุ 30 ปี สัญชาติไทย (ผู้ควบคุมเรือ/ผู้นำพาต่างด้าวหนี)
  2. นายซูไฮมีฯ อายุ 19 ปี สัญชาติไทย (ผู้นำพาต่างด้าวหนี)
  3. นายอับดุลสานีฯ อายุ 28 ปี สัญชาติไทย (ผู้นำพาต่างด้าวหนี)
  4. นายโทนฯ อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา เชื้อชาติเมียนมา
  5. นางสาวมู อายุ 25 ปี สัญชาติเมียนมา เชื้อชาติเมียนมา
  6. นางสาวโต อายุ 24 ปี สัญชาติเมียนมา เชื้อชาติเมียนมา
  7. นายเตน อายุ 34 ปี สัญชาติเมียนมา เชื้อชาติเมียนมา
  8. นางสาวเซม อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา เชื้อชาติเมียนมา

 

ไล่ล่ากลางน้ำ จับแก๊งลอบขนต่างด้าวใช้สปีดโบ๊ทหนีข้ามแดน

 

โดยเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่ากระทำผิดฐาน

ผู้ต้องหาที่ 1–3 “ร่วมกันให้การช่วยเหลือ ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นการจับกุม” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64

และผู้ต้องหาที่ 4–8 ว่ามีความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 81

ไล่ล่ากลางน้ำ จับแก๊งลอบขนต่างด้าวใช้สปีดโบ๊ทหนีข้ามแดน

 

และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 เพิ่มเติมว่า

เป็นเจ้าของหรือผู้ควบคุมพาหนะ นำพาหนะเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ กระทำความผิดตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522

 

ไล่ล่ากลางน้ำ จับแก๊งลอบขนต่างด้าวใช้สปีดโบ๊ทหนีข้ามแดน

 

นำเรือออกมาใช้โดยไม่มีใบอนุญาตการใช้เรือ กระทำความผิดตามมาตรา 277 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456

ทำหน้าที่ในเรือโดยไม่มีใบประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ กระทำความผิดตามมาตรา 282 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456

ยานพาหนะที่ตรวจสอบ/ยึด

เรือยนต์ติดเครื่องท้าย ตัวเรือน้ำเงิน ขอบสีเทา ตัวเรือสีเทา-แดง หลังคาสีดำ ไม่มีหมายเลขทะเบียน พร้อมด้วยเครื่องยนต์ติดท้ายเรือ 4 จังหวะ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น F150DET 63P X 1193829 ขนาด 150 แรงม้า

สถานที่จับกุม ปากร่องแม่น้ำสุไหงโก-ลก ห่างจากฝั่ง 1.2 ไมล์ ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

 

ไล่ล่ากลางน้ำ จับแก๊งลอบขนต่างด้าวใช้สปีดโบ๊ทหนีข้ามแดน

 

พฤติการณ์:
ร.ต.ท.ยศกร ปิยะนันท์ หัวหน้าชุดจับกุม พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ออกทำการลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบโดยใช้เรือตรวจการณ์ รน.56 ขณะขับเรือแล่นอยู่บริเวณปากร่องแม่น้ำสุไหงโกลก พบเรือสปีดโบ๊ทสีเทามีคนอยู่ในเรือ 3 คน (ทราบชื่อคนขับเรือภายหลังคือนายรูซูวันฯ อายุ 30 ปี สัญชาติไทย) ตัวเรือสีน้ำเงิน ไม่มีเลขทะเบียน กำลังขับเรือมุ่งหน้าไปยังประเทศมาเลเซีย อยู่บริเวณหน้าหาดเสด็จ ห่างจากฝั่ง 1.2 ไมล์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย

ร.ต.ท.ยศกรฯ จึงเรียกตรวจเรือดังกล่าว แต่เรือลำดังกล่าวกลับมีพฤติการณ์หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงทำการไล่ติดตาม จนสามารถเทียบเรือลำดังกล่าวได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเป็นตำรวจน้ำ สังกัด ส.รน.4 กก.7 บก.รน. และเชิญตัวนายรูซูวันฯ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมเรือ ทำการตรวจค้น

ผลการตรวจค้นพบบุคคลไม่ทราบสัญชาติ 5 คน (ชาย 2 หญิง 3) ไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ภายหลังทราบว่าเป็นบุคคลสัญชาติเมียนมา ทั้งหมดซ่อนอยู่ในตัวเรือ โดยใช้ผ้าสีดำคลุมพรางไว้

นายรูซูวันฯ ให้การรับว่า ได้รับการว่าจ้างให้ไปรับบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 5 คน เพื่อนำไปส่งยังประเทศมาเลเซีย ที่ท่าเรือเมืองโกตาบารู โดยได้รับค่าจ้าง 50 ริงกิตมาเลเซียต่อคน รวม 250 ริงกิต (ประมาณ 1,900 บาท) โดยจะจ่ายเป็นเงินสดเมื่อถึงปลายทาง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิผู้ถูกจับตามกฎหมาย พร้อมนำล่ามชาวเมียนมาชื่อ นายทาน ไท อ่อง มาสอบถามเพิ่มเติม ซึ่งบุคคลต่างด้าวทั้งหมดให้การว่าไม่มีหนังสือเดินทางและเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และยอมรับว่าลักลอบเข้ามาในประเทศไทยเพื่อไปทำงานในประเทศมาเลเซีย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางมาที่ ส.รน.4 กก.7 บก.รน. เพื่อจัดทำบันทึกการจับกุม ประวัติบุคคล และเอกสารตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.2565 รวมถึงแบบคัดกรองเบื้องต้น (NRM) ร่วมกับสหวิชาชีพ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป