- 17 พ.ย. 2568
อย. โพสต์ เตือน! ผู้สูงอายุใช้ยาต้องระวังเป็นพิเศษ เสี่ยงผลข้างเคียง-ยาตีกัน ควรใช้ภายใต้คำแนะนำแพทย์เท่านั้น
การใช้ยาในผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงตามวัย เช่น ระบบการดูดซึม การเผาผลาญ และการขับยาออกจากร่างกายที่ลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการสะสมของยาและเกิดผลข้างเคียงได้ง่าย ผู้สูงอายุจึงควรใช้ยาอย่างระมัดระวัง ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและปลอดภัยที่สุด
แนวทางในการใช้ยาอย่างปลอดภัยในผู้สูงอายุ มีดังนี้
1. พบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ติดตามอาการและรับการปรับยาตามความเหมาะสม หลีกเลี่ยงการหยุดยาเอง แม้จะรู้สึกดีขึ้นแล้ว
2. ควรศึกษาข้อมูลของยาที่ใช้อยู่ เช่น ชื่อยา สี รูปร่าง และสรรพคุณ เพื่อให้รู้ว่ายาแต่ละชนิดมีหน้าที่อะไร และหากรับประทานยาไปแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ ง่วง ซึม ผื่นขึ้น ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
3. ผู้สูงอายุไม่ควรซื้อยาสมุนไพร ยาหม้อ รวมถึงยาลูกกลอนมากินเอง เพราะเสี่ยงต่อการรับยาที่อาจผสมยาสเตียรอยด์ ซึ่งมีผลเสียในระยะยาว เช่น หน้าบวม ความดันสูง น้ำตาลในเลือดสูง
4. นำยาที่ใช้อยู่ไปให้แพทย์ดูทุกครั้ง รวมถึงยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อป้องกันการใช้ยาซ้ำซ้อน หรือยาตีกัน (interactions)
5. ใช้ยาตามคำแนะนำแพทย์ ไม่เพิ่ม ลด หรือหยุดยาเองโดยเด็ดขาด หากต้องการปรับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน
6. การจัดยาให้ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ควรมีผู้ดูแลช่วยจัดยาอย่างใกล้ชิด หากจำเป็นต้องแบ่งยาไว้ล่วงหน้า ควรจัดแบบวันต่อวัน ห้ามแกะยาออกจากแผงฟอยล์ เพื่อป้องกันยาเสื่อมสภาพ หากต้องการตัดแบ่งยาควรตัดแบ่งทั้งฟอยล์และไม่แกะยาออกจากแผงฟอยล์
สำหรับลูกหลานอาจช่วยแนะนำและทบทวนผู้สูงอายุทุกครั้งที่ได้รับยาใหม่ หรือใช้เทคโนโลยีช่วยเตือน เช่น ตั้งนาฬิกาปลุก ตั้งแจ้งเตือนในมือถือ การจดลงปฏิทิน รวมทั้งตรวจสอบกล่องยาและดูแลการกินยาของผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอ
ยาที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในผู้สูงอายุ
แม้ยาหลายชนิดจำเป็นต้องใช้ในผู้สูงอายุ แต่บางกลุ่มยาควรใช้อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง หรือเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
1. ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายเครียด ยาในกลุ่มนี้ เช่น ยาแก้แพ้ ซีพีเอ็ม (chlorpheniramine maleate) มีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น ง่วงซึม มึนงง ความจำลดลงเสี่ยงต่อการหกล้ม อุบัติเหตุ สับสนเฉียบพลัน
- ควรหลีกเลี่ยง หรือใช้เฉพาะในกรณีจำเป็นภายใต้การดูแลของแพทย์
2. ยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ (NSAIDs) เช่น ยาแก้ปวดไอบูโพรเฟน (ibuprofen) มีผลข้างเคียง คือ ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เสี่ยงแผลและเลือดออกในทางเดินอาหาร ทำให้ไตเสื่อมหรือไตวายได้ หากใช้ติดต่อกันนาน
- ควรใช้ร่วมกับยาเคลือบกระเพาะ และหากจำเป็นต้องใช้ต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
3. ยารักษาโรคประจำตัว เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาเบาหวาน การใช้ยากลุ่มนี้จำเป็นต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ห้ามหยุดยาเอง หรือปรับเพิ่ม หรือลดขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- ควรกินยาให้ตรงเวลาทุกวัน และตรวจติดตามอาการเป็นระยะ
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยา หรือสุขภาพ อย่านิ่งนอนใจควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและใช้ยาอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ






