- 24 พ.ย. 2568
หมอเจดเตือน! คนวัย 25–40 เสี่ยง “มะเร็งลำไส้” เพิ่มขึ้นแบบน่าตกใจ ชวนเช็ก 5 อาการเงียบที่หลายคนคิดว่าไม่อันตราย แต่จริง ๆ อาจเป็นสัญญาณระยะเริ่มต้น
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
ทุกวันนี้ผมเจอคนที่อายุ 25–40 เป็นมะเร็งลำไส้มากขึ้นกว่าที่คิดครับ เพราะโรคนี้ไม่ได้มาตอนแก่เสมอไป แต่มาแบบเงียบ ๆ ซ่อนในอาการทั่วไป จนหลายคนคิดว่า “แค่ท้องอืด” หรือ “กินอาหารไม่ย่อย” ก่อนจะรู้ตัวอีกที ก็ลุกลามแล้วครับ นี่คือ 5 สัญญาณอันตรายที่อยากให้เช็กตัวเองทันที ถ้าใช่หลายข้อ แนะนำรีบตรวจนะครับ
1️⃣ ถ่ายผิดปกติหลายสัปดาห์ติดกัน
ถ้าคนที่เคยถ่ายปกติ แต่ช่วงหลังเริ่มท้องผูกยาวขึ้นเรื่อย ๆ หรือถ่ายเหลวสลับผูกแบบเดิมทุกวัน นี่คือสัญญาณว่าลำไส้กำลัง “ตีบ” จากเนื้อเยื่อผิดปกติที่ค่อย ๆ ขยายตัว ทำให้กากอาหารผ่านได้ยาก ลำไส้จึงต้องบีบแรงขึ้นแต่ไม่สม่ำเสมอ ผลคือระบบขับถ่ายรวนไปหมด อุจจาระอาจเส้นเล็กลง หนืดขึ้น หรือออกไม่สุด เพราะลำไส้มีพื้นที่ให้วิ่งผ่านน้อยกว่าเดิมครับ
2️⃣ มีเลือดปนในอุจจาระแบบไม่เจ็บ ไม่แสบรูก้น
เลือดที่ออกจากมะเร็งลำไส้มักออกทีละนิด แต่ “ออกบ่อย” จนปนอยู่ในเนื้ออุจจาระเป็นช่วง ๆ ต่างจากริดสีดวงที่มักออกหลังเบ่งหนักและมีอาการเจ็บก้นร่วมด้วย จุดนี้สำคัญมาก เพราะเลือดที่ปนเรื่อย ๆ เกิดจากผนังลำไส้ที่มีเซลล์ผิดปกติทำให้เปราะ บาง และแตกง่ายขึ้น จึงเสียเลือดแบบเรื้อรังโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวครับ
3️⃣ ท้องอืด แน่น จุกง่าย แม้กินแค่นิดเดียว
อาการนี้หลายคนตีความว่าเป็นกรดไหลย้อน หรือลำไส้แปรปรวน แต่ถ้าอืดแทบทุกวัน โดยเฉพาะตอนเย็นหลังมื้อหลัก นั่นบอกว่าลำไส้เริ่มระบายลมได้ไม่ดี เพราะมีบางอย่างขวางทางอยู่ในลำไส้ใหญ่ ทำให้แก๊สหมักหมม ย่อยช้า และเกิดแรงดันจากด้านในจนรู้สึกอืดแน่นตลอดเวลา ยิ่งก้อนขยายมากขึ้น อาการอืดก็ยิ่งเป็นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
4️⃣ เหนื่อยง่าย หน้ามืด ใจสั่น แม้นอนเต็มอิ่ม
ความเหนื่อยแบบนี้แปลไม่ออกว่ามาจากอะไร ทั้งที่ไม่ได้อดนอน ไม่ได้ทำงานหนัก แต่กลับล้ารุนแรงขึ้นทุกวัน ส่วนใหญ่เกิดจาก “เลือดจางจากการเสียเลือดเรื้อรัง” โดยเลือดจากลำไส้ออกน้อยมากจนไม่เห็นด้วยตา แต่เสียทุกวันจนร่างกายเริ่มขาดธาตุเหล็ก เลือดขนออกซิเจนได้น้อยลง ทำให้หัวใจต้องเต้นแรงขึ้นเพื่อชดเชย จนเกิดอาการใจสั่น เหนื่อยง่าย และหน้ามืดเป็นพัก ๆ ครับ
5️⃣ น้ำหนักลดเร็ว เบื่ออาหาร กินไม่หมดจานเหมือนเดิม
ถ้าน้ำหนักลดลง 3–5 กิโลในเวลาไม่นาน ทั้งที่ไม่ได้ลดอาหาร ไม่ได้ออกกำลังเพิ่ม นี่คือสัญญาณสำคัญมาก เพราะเซลล์ผิดปกติในลำไส้จะดึงพลังงานไปใช้มากขึ้น ทำให้ร่างกายใช้พลังงานเปลืองกว่าปกติ อีกทั้งการอักเสบเรื้อรังในลำไส้ยังทำให้การดูดซึมแย่ลง คนไข้มักรู้สึกเบื่ออาหาร กินไม่หมดจาน อิ่มง่าย ทั้งที่กินน้อย และผอมลงเรื่อย ๆ โดยไม่รู้สาเหตุครับ
ลำไส้ปลอดภัยขึ้นได้ แค่ทำสิ่งนี้ทุกวัน
• เริ่มวันด้วยน้ำอุ่น 1 แก้ว กระตุ้นให้ลำไส้ตื่นและขับเคลื่อนดีขึ้น
• พยายามเพิ่มจุลินทรีย์ดี ด้วยโยเกิร์ต ของหมักดอง หรือหากินเสริม เพื่อเข้าไปช่วยปรับสมดุลในลำไส้
• และกินผักอย่างน้อย 2 กำมือต่อวัน เพื่อเพิ่มใยอาหารให้จุลินทรีย์ดีได้อาหารไปสร้าง SCFA ที่ช่วยลดการอักเสบในลำไส้ ลดโอกาสเกิดรอยโรคผิดปกติ
• หันมาลดของทอด น้ำตาล เครื่องดื่มหวานลงทีละนิด จะช่วยลดภาวะลำไส้ระคายเคืองและลดความเสี่ยงเซลล์ผิดปกติเติบโตได้จริง ๆ
• ปิดท้ายด้วยการเดินหลังอาหาร 10–15 นาที ช่วยให้ลำไส้ไหลลื่น ไม่หมักหมม และลดการเกิดแก๊สสะสมครับ
มะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่ได้เกิดแค่กับคนอายุมากอีกต่อไปแล้วครับ โดยเฉพาะคนวัย 20–40 ที่ชอบกินเค็มจัด หวานจัด นั่งนาน เครียดง่าย คนพวกนี้ยิ่งเสี่ยงแบบเงียบ ๆ เลยนะ ที่สำคัญคือต้องฟังร่างกายตั้งแต่สัญญาณเล็ก ๆ เช่น ถ่ายผิดปกติ เลือดปน อืดจุกเรื้อรัง เหนื่อยง่าย หรือผอมเร็ว เพราะยิ่งรู้เร็ว โอกาสรักษาหายสูงจริงครับ และถ้าดูแลลำไส้ทุกวันแบบง่าย ๆก็จะช่วยลดความเสี่ยงไปได้มากแบบไม่ต้องทรมานเลยครับ






