- 13 ธ.ค. 2568
ชัดเจน แถลงปิดคดี "นัทปง" เปิดกล้องวงจรปิดเห็นเต็มๆทำอะไร พร้อมเผยผลชันสูตร ชี้ไม่พบบุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง
เวลา 11.00 น. วันที่ 13 ธ.ค.68 ที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี แถลงข่าวคดีการเสียชีวิตของ นายณัฐวุฒิ ปงลังกา หรือ นัทปง ผู้สื่อข่าวช่อง 8
พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 กล่าวว่า จากการสอบปากคำพยานในบ้านผู้เสียชีวิต 4 ปาก และพยานที่นำวัตถุพยานออกจากที่เกิดเหตุไปอีก 1 ปาก ทำให้ทราบว่ามีบุคคลซึ่งเป็นผู้นำไซยาไนด์มาให้ผู้ตาย เพิ่มอีก 1 คน จึงได้นำตัวทั้งหมดมาทำการสอบสวนอย่างละเอียด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนหาที่มาของสารไซยาไนด์ดังกล่าว จึงพบว่า นายกิตติ ซึ่งเป็นลูกจ้างร้านทำทอง เป็นผู้ลักลอบนำสารดังกล่าวออกจากร้านมาให้ผู้ตาย ตรงกับผลการตรวจสอบในบ้านพักของผู้ตาย ซึ่งพบว่าเป็นสารไซยาไนด์ตัวเดียวกัน ซึ่งไม่พบว่ามีบุคคลอื่นไปหยิบจับหรือยุ่งเกี่ยวกับซองบรรจุไซยาไนด์ที่พบในห้องที่มีการเสียชีวิต จึงสรุปได้ว่าผู้ตายได้กระทำการอัตวินิบาตกรรม ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็ไม่ติดใจในการสรุปคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 กล่าวว่า หลังทราบว่าพบสารไซยาไนด์ในร่างกาย และทำให้นายณัฐวุฒิ เสียชีวิต ตำรวจสืบสวนภาค 1 ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อไล่เรียงเหตุการณ์ กระทั่งวันที่ 7 ธ.ค.68 กลุ่มบุคคลที่อยู่ในวันดื่มเหล้ากับผู้ตาย 4 คน และผู้ใกล้ชิดอีก 1 คน เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และมอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายให้ทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อไล่เรียงเหตุการณ์ตามคำให้การของพยานทั้ง 5 คน ภายในบ้านมีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 10 ตัว ตั้งแต่หน้าบ้าน ภายในห้องโถง บันไดทางขึ้นชั้น 2 แต่ภายในห้องที่ผู้ตายนอนเสียชีวิต ยังไม่สามารถเปิดได้
ในส่วนของกล้องวงจรปิดที่ตำรวจสามารถดูได้นั้น ตรงกับคำให้การของพยานทั้ง 5 คน ได้สอดคล้องไปทิศทางเดียวกัน ทั้งเวลา การเคลื่อนไหวในบ้าน และการเข้าออกบ้าน จนวันที่ 8 ธ.ค. นายกิตติ ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนให้ปากคำเกี่ยวกับการนำสารไซยาไนด์มาให้ผู้ตาย ตำรวจได้ดูวงจรปิดก็ตรงกับคำให้การว่า ได้นำมาให้กับผู้ตายวันที่ 29 ต.ค.68 โดยนำมาวางไว้ที่โต๊ะกลางบ้าน หลังจากนั้น นายธีระพงษ์ หรือบิ๊ก เพื่อนผู้ตาย นำไปเก็บในห้องที่พบผู้เสียชีวิต
จนวันที่ 11 ธ.ค. ตำรวจสืบสวนภาค 1 ได้ร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนและตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1 เข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ
และได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตัวที่อยู่ในห้องที่พบผู้ตาย จึงได้พบภาพผู้เสียชีวิต หยิบซองกระดาษที่ใส่สารไซยาไนด์ ซึ่งอยู่ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์ ออกมาไว้กับตัว ใช้เวลา 40 วินาที ก่อนจะนำกลับไปเก็บยังที่เดิม
หลังจากนั้นกลุ่มคนภายในบ้านที่นั่งดื่มเหล้าได้กลับออกไปจากบ้าน เหลือเพียง 2 คน คือนายบิ๊ก กับนายต้น และผู้ตาย จนเวลา 08.39 น. จึงมาพบนายณัฐวุฒิ นอนเสียชีวิตภายในห้อง จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้านทั้ง 10 ตัว ตรงกับคำให้การพยานและคนใกล้ชิด รวม 6 ปาก ในทิศทางเดียวกัน
พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผบก.พฐ.1 กล่าวว่า หลังจากทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 ได้รับแจ้งให้ร่วมลงตรวจสอบในบ้านพักที่เกิดเหตุ ตามคำให้การของนายกิตติ ซึ่งเป็นคนนำสารไซยาไนด์ออกมาจากร้านทองมาให้ผู้ตายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เก็บสารไซยาไนด์ที่พบในร้านทอง ที่พบในบ้านพักของผู้เสียชีวิต พบว่าเป็นสารไซยาไนด์ตัวเดียวกัน ประเด็นที่ว่าไซยาไนด์เข้าไปอยู่ในตัวผู้ตายได้อย่างไรนั้น ทางเจ้าหน้าที่พบว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายบิ๊กเป็นคนนำซองบรรจุไซยาไนด์ ไปวางไว้ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ในห้องที่ผู้ตายเสียชีวิต จนวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ กล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่าผู้ตายเข้าไปหยิบซองไซยาไนด์ที่โต๊ะ ก่อนจะหายออกจากห้องไป 40 วินาที แล้วนำซองยากลับมาเก็บที่เดิม
พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา ผบก.พฐ.1 กล่าวว่า สารไซยาไนด์ที่ทางเจ้าหน้าที่นำมาตรวจสอบนั้น เก็บได้จากสารที่ได้จากร้านทองที่นายกิตติ ลักลอบนำออกมาให้กับผู้ตาย และตรงกันกับที่นายไอซ์ ได้แบ่งออกไปตรวจสอบก่อนหน้านี้ และยังตรงกับซองในโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่พบในบ้านพัก ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าเป็นสารโปแตสเซียมไซยาไนด์ตัวเดียวกันทั้งหมด รวมทั้งกองอาเจียนที่พบในห้องที่เสียชีวิต ก็ตรวจสอบพบสารโปแตสเซียมไซยาไนด์เช่นเดียวกัน
ส่วนประเด็นที่ก่อนหน้านี้ ที่มีการระบุว่าไซยาไนด์ที่พบเป็นโกลด์ไซยาไนด์ ทาง พฐ.ไม่ทราบในเรื่องนั้น และผลการตรวจของแพทย์นิติเวช ยังตรวจพบว่ามีการไหม้ที่ผิวลิ้น กลางลิ้น โคนลิ้นไปจนถึงกระเพาะอาหาร ในลักษณะที่ระบุได้ว่า เป็นการสัมผัสตรงเพราะมีความเข้มข้นสูง ลักษณะเข้าทางปากแน่นอน
พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบช.ภ.1 กล่าวสรุปปิดท้ายว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบสาเหตุหรือมูลเหตุจูงใจที่จะไปทำร้ายผู้เสียชีวิต ทั้งพยานหลักฐานซึ่งเป็นซองยาร่วมกับภาพวงจรปิดภายในบ้าน ก็ไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องหรือจับต้อง หลังจากที่ผู้ตายได้เข้าไปหยิบแล้วหายออกจากห้องไป 40 วินาที ก็นำซองกลับมาที่เดิม จนกระทั่งผู้ตายเสียชีวิตลงในห้อง จึงไม่มีประเด็นว่ามีผู้อื่นผู้ใดทำให้ผู้เสียชีวิตตายด้วยสารพิษ






