ตร.โคราช เตือนปชช. แจ้งเบาะแสทหารรับจ้างต่างชาติ แฝงตัวในพื้นที่

ตำรวจโคราช สภ.พลกรัง ขอความร่วมมือ ประชาชน แจ้งเบาะแสทหารรับจ้างชาวต่างชาติ แฝงตัวในจังหวัด เป้าหมายใช้โดรนโจมตีพื้นที่ยุทธศาสตร์

14ธ.ค.68 สภ.พลกรัง จังหวัดนครราชสีมา ได้มีประกาศ จากสถานการณ์การปะทะไทย-กัมพูชา   ขอให้ช่วยตรวจสอบว่าในพื้นที่ (รีสอร์ท / เกสท์เฮาส์ / โรงแรม / บ้านพัก ในหมู่บ้าน / ตำบล เทศบาล ที่รับผิดชอบ) มีชาวรัสเซีย / แขกขาว  ชาวต่างชาติที่ผิดสังเกตุ  ไปพักอาศัยอยู่หรือไม่   เนื่องจากมีรายงานข่าวว่ามีทหารรับจ้างชาวรัสเซีย (กัมพูชาจ้าง)  อาจเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญๆ  

ตร.โคราช เตือนปชช. แจ้งเบาะแสทหารรับจ้างต่างชาติ แฝงตัวในพื้นที่

สภ.พลกรัง  จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ได้รับทราบสถานะการณ์   หากพบบุคคลที่มีลักษณะและพฤติกรรมดังกล่าว   กรุณาแจ้งให้ สภ.พลกรัง ทราบเพื่อจะได้ตรวจสอบ โทร 044-918600

ตร.โคราช เตือนปชช. แจ้งเบาะแสทหารรับจ้างต่างชาติ แฝงตัวในพื้นที่

ด้าน กองทัพบกชี้พฤติการณ์กัมพูชากักกันคนไทยที่ด่านปอยเปต อาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม  จากกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาแสดงพฤติการณ์อย่างชัดเจนในการขัดขวางการเดินทางกลับประเทศไทยของประชาชนชาวไทยจำนวนหลายพันคน ณ ด่านปอยเปตนั้น

ตร.โคราช เตือนปชช. แจ้งเบาะแสทหารรับจ้างต่างชาติ แฝงตัวในพื้นที่

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการควบคุมตัวพลเรือนโดยมิชอบ หรือมีลักษณะใกล้เคียงกับการจับตัวพลเรือนไปเป็นตัวประกัน อันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจในระดับนานาชาติว่าเป็นการกักกันตัวโดยผิดกฎหมาย และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะสิทธิและเสรีภาพในการเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนาของตนเอง

นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ได้แก่ อนุสัญญาเจนีวา ว่าด้วยการคุ้มครองพลเรือนในเวลาการรบหรือการสงคราม ลงวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1949 รวมถึงพิธีสารเพิ่มเติมของอนุสัญญาเจนีวา และพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศ ค.ศ. 1977

ทั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกักกันตัวพลเรือนโดยมิชอบดังกล่าว อาจมีความผิดเข้าข่ายเป็นอาชญากรสงคราม ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

เนื่องจากกัมพูชาเป็นภาคีของอนุสัญญาเจนีวาและพิธีสารเพิ่มเติมดังกล่าว จึงมีพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนชาวไทยจำนวนหลายพันคน ณ ด่านปอยเปต สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้โดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนสากล.