- 19 ธ.ค. 2568
ใช้ก้านพลูเขียนคิ้ว วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า ภูมิปัญญานี้ยังมีผลดีจริงหรือไม่ และมีข้อควรระวังอะไรบ้างที่คนเป็นพ่อแม่ไม่ควรมองข้าม
ใช้ก้านพลูเขียนคิ้ว ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เรามักจะได้ยินความเชื่อเรื่องการนำ "ก้านพลู" มาลนไฟแล้วเขียนคิ้วให้เด็กทารก เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้ลูกน้อยโตขึ้นมามีคิ้วที่ดกดำ เรียวสวย และได้รูป แต่ในยุคปัจจุบันที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปและความรู้ทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น สิ่งที่เคยทำตามกันมาอาจแฝงไปด้วยอันตรายที่คาดไม่ถึงต่อผิวที่บอบบางของลูกน้อย วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า ภูมิปัญญานี้ยังมีผลดีจริงหรือไม่ และมีข้อควรระวังอะไรบ้างที่คนเป็นพ่อแม่ไม่ควรมองข้าม
5 ข้อควรรู้และสิ่งที่ต้องระวังก่อนใช้ก้านพลูเขียนคิ้วลูก
1. ความจริงเรื่องคิ้วดกดำ ในทางวิทยาศาสตร์ ความหนาบางหรือรูปทรงของคิ้วถูกกำหนดโดย "พันธุกรรม" เป็นหลัก การนำก้านพลูมาเขียนเป็นเพียงการทำให้เห็นโครงคิ้วชัดขึ้นชั่วคราวจากสีของยางพลูที่ไหม้ไฟ แต่ไม่ได้มีส่วนช่วยในการเพิ่มจำนวนรากผมหรือขนคิ้วให้มากขึ้นอย่างถาวร
2. เสี่ยงอาการแพ้และระคายเคือง ผิวของเด็กทารกมีความบางและบอบบางกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า สารเคมีตามธรรมชาติในก้านพลู รวมถึงน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน อาจทำให้ผิวเด็กเกิดอาการแดง ผดผื่น หรืออักเสบได้ง่าย
3. อันตรายจากความร้อนและเขม่าควัน การนำก้านพลูไปลนไฟ หากทิ้งไว้ให้เย็นไม่สนิทหรือมีขี้เถ้าที่ยังร้อนอยู่มาสัมผัสผิว อาจทำให้ผิวเด็กไหม้ (Burn) ได้ นอกจากนี้เขม่าควันจากการเผาไหม้ยังอาจระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจของเด็กทารก
4. ระวังการสะสมของเชื้อโรค หากก้านพลูไม่สะอาดหรือกระบวนการเก็บรักษาไม่ดีพอ อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อราหรือแบคทีเรีย ซึ่งเมื่อนำมาเขียนลงบนผิวหนังที่บอบบาง อาจนำไปสู่การติดเชื้อทางผิวหนังได้
5. ความเสี่ยงต่อดวงตา เนื่องจากคิ้วอยู่ใกล้กับดวงตามาก หากเด็กขยี้ตาหรือเหงื่อออกจนสารจากก้านพลูไหลเข้าตา อาจทำให้ตาอักเสบ ระคายเคือง หรือเกิดอันตรายต่อกระจกตาได้
คำแนะนำสำหรับพ่อแม่
ความรักและความปรารถนาดีอยากให้ลูกดูดีเป็นเรื่องปกติ แต่ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง หากต้องการบำรุงขนคิ้วให้ลูกจริงๆ ควรปรึกษาปรึกษากุมารแพทย์เพื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ (Dermatologically Tested) ว่าปลอดภัยสำหรับเด็กทารกจะดีที่สุด






