ด้วงก้นกระดก  แมลงร้ายที่ไม่กัด แต่ปล่อยพิษทำผิวหนังอักเสบแดง-แสบพอง

ด้วงก้นกระดก ช่วงนี้หลายพื้นที่อาจกำลังเผชิญกับการระบาดของ "ด้วงก้นกระดก" ซึ่งเป็นแมลงตัวเล็กที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับหลายคน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่การโดนกัด

ด้วงก้นกระดก  แมลงร้ายที่ไม่กัด แต่ปล่อยพิษทำผิวหนังอักเสบแดง-แสบพอง ช่วงนี้หลายพื้นที่อาจกำลังเผชิญกับการระบาดของ "ด้วงก้นกระดก" ซึ่งเป็นแมลงตัวเล็กที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับหลายคน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่การโดนกัด แต่เป็นสารพิษอันตรายที่มันปล่อยออกมา แมลงชนิดนี้ไม่ได้ทำร้ายเราด้วยการกัด แต่เมื่อสัมผัสผิวหนังโดยตรงและถูกบี้ มันจะปล่อยสารพิษร้ายแรงที่เรียกว่า “เพเดอริน (Pederin)” ออกมา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหนังเกิดอาการแดง, บวมพอง, และแสบร้อนอย่างรุนแรงภายใน 24 ชั่วโมงหลังสัมผัส

ด้วงก้นกระดก  แมลงร้ายที่ไม่กัด แต่ปล่อยพิษทำผิวหนังอักเสบแดง-แสบพอง

รู้จักภัยเงียบ: สารพิษเพเดอริน

ด้วงก้นกระดกคือภัยคุกคามที่ไม่ควรประมาท เพราะสารพิษเพเดอรินที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อแมลงถูกบี้หรือปัดอย่างรุนแรง จะทำให้เกิด "ผิวหนังอักเสบจากด้วงก้นกระดก (Paederus Dermatitis)" ซึ่งมีลักษณะอาการที่ชัดเจนคือ:

  • ผิวหนังมีรอยแดงเป็นปื้น หรือเป็นทางยาวตามรอยสัมผัส
  • เกิดอาการแสบร้อนหรือคัน
  • เกิดตุ่มน้ำหรือตุ่มหนอง พุพองอย่างรุนแรงภายใน 12-24 ชั่วโมง

 

ด้วงก้นกระดก  แมลงร้ายที่ไม่กัด แต่ปล่อยพิษทำผิวหนังอักเสบแดง-แสบพอง

5 วิธีป้องกันและรับมือ เมื่อเจอด้วงก้นกระดก

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง และการจัดการที่ถูกวิธีเมื่อพบเจอ:

ห้ามปัดหรือบี้แมลงเด็ดขาด: หากพบแมลงเกาะอยู่บนร่างกาย ให้ควบคุมสติและอย่าทำลายตัวแมลง

ใช้กระดาษเขี่ยออกอย่างเบามือ: ใช้กระดาษหรือวัสดุอื่น ๆ ค่อย ๆ เขี่ยแมลงออกไปจากผิวหนังหรือที่นอน

รีบล้างผิวหนังทันที: หากสงสัยว่าสัมผัสกับแมลง ให้รีบล้างบริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทันที

ลดการเปิดไฟตอนกลางคืน: ด้วงก้นกระดกมักบินเข้าหาแสงไฟสว่าง ควรลดการเปิดไฟที่ไม่จำเป็น หรือติดตั้งมุ้งลวดเพื่อป้องกัน

แยกซักเสื้อผ้าที่อาจปนเปื้อน: หากพบแมลงบนเสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอน ให้แยกซักทำความสะอาดทันที เพื่อป้องกันสารพิษตกค้าง

 

คำแนะนำทางการแพทย์

หากมีอาการไม่มาก: สามารถบรรเทาด้วยยาแก้แพ้ หรือยาทาภายนอกตามคำแนะนำของเภสัชกร

หากอาการหนักหรือขึ้นบริเวณใบหน้า/อวัยวะสำคัญ: ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมและป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน

ที่มาจาก : สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ