- 10 ธ.ค. 2568
ด้วงก้นกระดก ช่วงนี้หลายพื้นที่อาจกำลังเผชิญกับการระบาดของ "ด้วงก้นกระดก" ซึ่งเป็นแมลงตัวเล็กที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับหลายคน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่การโดนกัด
ด้วงก้นกระดก แมลงร้ายที่ไม่กัด แต่ปล่อยพิษทำผิวหนังอักเสบแดง-แสบพอง ช่วงนี้หลายพื้นที่อาจกำลังเผชิญกับการระบาดของ "ด้วงก้นกระดก" ซึ่งเป็นแมลงตัวเล็กที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับหลายคน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่การโดนกัด แต่เป็นสารพิษอันตรายที่มันปล่อยออกมา แมลงชนิดนี้ไม่ได้ทำร้ายเราด้วยการกัด แต่เมื่อสัมผัสผิวหนังโดยตรงและถูกบี้ มันจะปล่อยสารพิษร้ายแรงที่เรียกว่า “เพเดอริน (Pederin)” ออกมา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหนังเกิดอาการแดง, บวมพอง, และแสบร้อนอย่างรุนแรงภายใน 24 ชั่วโมงหลังสัมผัส
รู้จักภัยเงียบ: สารพิษเพเดอริน
ด้วงก้นกระดกคือภัยคุกคามที่ไม่ควรประมาท เพราะสารพิษเพเดอรินที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อแมลงถูกบี้หรือปัดอย่างรุนแรง จะทำให้เกิด "ผิวหนังอักเสบจากด้วงก้นกระดก (Paederus Dermatitis)" ซึ่งมีลักษณะอาการที่ชัดเจนคือ:
- ผิวหนังมีรอยแดงเป็นปื้น หรือเป็นทางยาวตามรอยสัมผัส
- เกิดอาการแสบร้อนหรือคัน
- เกิดตุ่มน้ำหรือตุ่มหนอง พุพองอย่างรุนแรงภายใน 12-24 ชั่วโมง
5 วิธีป้องกันและรับมือ เมื่อเจอด้วงก้นกระดก
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง และการจัดการที่ถูกวิธีเมื่อพบเจอ:
ห้ามปัดหรือบี้แมลงเด็ดขาด: หากพบแมลงเกาะอยู่บนร่างกาย ให้ควบคุมสติและอย่าทำลายตัวแมลง
ใช้กระดาษเขี่ยออกอย่างเบามือ: ใช้กระดาษหรือวัสดุอื่น ๆ ค่อย ๆ เขี่ยแมลงออกไปจากผิวหนังหรือที่นอน
รีบล้างผิวหนังทันที: หากสงสัยว่าสัมผัสกับแมลง ให้รีบล้างบริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทันที
ลดการเปิดไฟตอนกลางคืน: ด้วงก้นกระดกมักบินเข้าหาแสงไฟสว่าง ควรลดการเปิดไฟที่ไม่จำเป็น หรือติดตั้งมุ้งลวดเพื่อป้องกัน
แยกซักเสื้อผ้าที่อาจปนเปื้อน: หากพบแมลงบนเสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอน ให้แยกซักทำความสะอาดทันที เพื่อป้องกันสารพิษตกค้าง
คำแนะนำทางการแพทย์
หากมีอาการไม่มาก: สามารถบรรเทาด้วยยาแก้แพ้ หรือยาทาภายนอกตามคำแนะนำของเภสัชกร
หากอาการหนักหรือขึ้นบริเวณใบหน้า/อวัยวะสำคัญ: ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมและป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน
ที่มาจาก : สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ






