นายพลเขมรร่วงอีกนาย เห็นยศถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตในกองทัพกัมพูชา

เพจดังเผย สไนเปอร์ฝ่ายทหารไทยจัดการนายพลเขมรร่วงอีกนาย เห็นยศถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตไม่น้อยในกองทัพกัมพูชา

สถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชายังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยล่วงเข้าสู่วันที่ 15 แล้ว นับตั้งแต่เกิดเหตุทหารกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีฝ่ายไทยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 บริเวณพื้นที่ภูผาเหล็ก - พลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนสถานการณ์จะบานปลายและขยายวงการปะทะไปยังหลายพื้นที่ ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิตหลายนาย

 

นายพลเขมรร่วงอีกนาย เห็นยศถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตในกองทัพกัมพูชา

ล่าสุดเมื่อเวลา 05:00 น. มีรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทิ้งระเบิดต่อฐานที่มั่นทางทหารของกัมพูชาในพื้นที่ตาพระยา - บึงตะกวน

 

ต่อมาเวลา 09:10 น. เพจ “Army Military Force” รายงานว่า ทหารกัมพูชามีความพยายามใช้อาวุธยิงลูกระเบิดโจมตีเข้ามาในเขตพลเรือนฝั่งไทย โดยกระสุนตกใส่ยุ้งข้าวของชาวบ้านในพื้นที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว และไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิต เนื่องจากประชาชนได้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยก่อนหน้า ส่วนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ได้หลบอยู่ในหลุมหลบภัยในช่วงเกิดเหตุ

 

  • สรุปสถานการณ์วันที่ 21 ธ.ค. 68

เมื่อเวลา 08:00 น. วันที่ 22 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2 รายงานสรุปสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ประจำวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ระบุว่า ตลอดทั้งวันยังคงเกิดการปะทะด้วยอาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด ในพื้นที่ผามออีแดงและภูมะเขือ
 

นายพลเขมรร่วงอีกนาย เห็นยศถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตในกองทัพกัมพูชา

ฝ่ายไทยยังสามารถควบคุมจังหวะการยิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความแม่นยำสูง และมีการรวมอำนาจการยิงเข้าสู่เป้าหมายหลายครั้ง รวมถึงการใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีที่ตั้งฝ่ายตรงข้ามจนได้รับความเสียหายหนัก ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาใช้รถถังยิงตอบโต้ในช่วงค่ำ แต่ยังไม่สามารถขยายแนวรบได้ โดยพื้นที่ช่องอานม้า–ช่องบกยังคงอยู่ในภาวะปกติ

 

สถานการณ์รายพื้นที่

จังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ช่องบกพบการยิงอาวุธประจำกายเป็นระยะในลักษณะยิงตรวจแนว ส่วนพื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายกัมพูชาถอนกำลังไปตั้งแนวรับที่สอง ห่างจากแนวปะทะราว 10 กิโลเมตร พร้อมใช้โดรนบินตรวจการณ์

จังหวัดศรีสะเกษ พื้นที่ซำแต - โดนตรวล - ภูผี - สัตตะโสม - พนมประสิทธิโส - ช่องตาเฒ่า เป็นจุดที่มีการยิงปืนใหญ่และปืนครกตอบโต้รุนแรงที่สุด ฝ่ายไทยยิงตอบโต้และใช้โดรนทิ้งระเบิดทำลายที่ตั้งฝ่ายตรงข้ามหลายจุด ขณะที่บริเวณผามออีแดง - ห้วยตามาเรีย ทั้งสองฝ่ายปะทะกันด้วยอาวุธประจำกายและปืนครกตลอดทั้งวัน

จังหวัดสุรินทร์ พื้นที่ช่องจอม - ช่องเปรอ - ช่องระยี และพื้นที่คนา ฝ่ายไทยตรึงกำลังอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่คนา ฝ่ายกัมพูชาใช้รถถังยิงเข้ามาแต่ไม่เกิดความสูญเสีย ขณะที่พื้นที่ตาควาย ฝ่ายไทยสามารถยึดที่หมายเนิน 350 และตั้งฐานที่มั่นได้สำเร็จ

จังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ช่องสายตะกู ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังเผชิญหน้ากันตลอดแนว

 

นอกจากนี้ ตรวจพบจรวด BM-21 จำนวน 4 ลูก ตกในพื้นที่ทิศใต้บ้านหนองจูบ ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เบื้องต้นไม่พบรายงานความเสียหายหรือการสูญเสีย

นายพลเขมรร่วงอีกนาย เห็นยศถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตในกองทัพกัมพูชา

กองทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า โบราณสถานไม่ควรถูกใช้เป็นสนามรบ การนำพื้นที่ดังกล่าวไปติดตั้งอาวุธหรือระบบทางทหารถือเป็นการละเมิดหลักสากล ขณะที่ฝ่ายไทยยืนยันการปฏิบัติการทั้งหมดเป็นไปตามสิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ยึดหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน พร้อมมุ่งรักษาสันติภาพตามแนวชายแดน

 

อย่างไรก็ตามเพจ Army Military Force ได้รายงานอีกว่า "ทหารไทยสอยนายพลกัมพูชาร่วงอีกนาย! พลตรีออง วิบูล รองเสธนาธิการกองพลสนับสนุนที่ 5 ของกองทัพกัมพูชา ถูกสไนเปอร์ฝ่ายไทยสอยร่วงระหว่างการสู้รบที่สมรภูมิตาควาย" 
 

นายพลเขมรร่วงอีกนาย เห็นยศถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตในกองทัพกัมพูชา