ชัดเจนเลย วีรกรรม "นายต๊อก" โดนตำรวจไล่จับ ถึงว่าหนีหัวซุกหัวซุน

ช่วงหัวค่ำวันที่ 24 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมาเกิดเหตุตำรวจ ชุดจู่โจม ไล่จับ นายต๊อก ผู้ต้องหาหมายจับคดีค้างเก่า ข้อหาพยายามฆ่า แต่กลับชักปืนยิงสู้เจ้าหน้าที่ วิ่งเข้าไปในชุมชน 70 ไร่ ย่านคลองเตย ส่งผลให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย เยาวชนหญิงอายุ 13 ปี ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ อีก 2 คน ก่อนหลบหนีไปได้ ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

 

 

ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในชุมชนคลองเตย ล็อก 4-5-6 แยก 10 หลังมีรายงานว่า นายบุรินทร์ แก้วอบเชย อายุ 46 ปี หรือที่รู้จักในชื่อ “นายต๊อก” ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีพยายามฆ่าค้างเก่า ได้พยายามหลบหนีการควบคุมตัวของตำรวจ สน.ท่าเรือ โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพขณะผู้ต้องหาวิ่งหลบหนีเข้าไปในชุมชน ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด

 

กล้องวงจรปิดอีกมุมหนึ่งเผยให้เห็นภาพเยาวชนหญิงอายุ 13 ปี จำนวน 2 คน ล้มลงหลังสิ้นเสียงปืน โดยหนึ่งในนั้นถูกยิงเข้าที่ขาขวา 1 นัด ส่วนอีกคนถูกยิงเข้าที่ก้น 1 นัด ก่อนที่ทั้งสองจะพยายามวิ่งหลบเข้าไปในบ้านพักใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ร้อยตำรวจตรีไพบูลย์ ชนูนันท์ รองสารวัตรปราบปราม สน.ท่าเรือ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่มือซ้าย 1 นาย

 

หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบริเวณร้านขายก๋วยเตี๋ยวภายในชุมชน และเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล

 

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ตำรวจนอกเครื่องแบบ สน.ท่าเรือ พบผู้ต้องสงสัยซึ่งเชื่อว่าเป็นบุคคลตามหมายจับคดีพยายามฆ่า จอดรถซื้อก๋วยเตี๋ยว จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อนพยายามหลบหนีเข้าไปในชุมชน และยิงตอบโต้ระหว่างถูกไล่ติดตาม ส่งผลให้เยาวชน 2 คน ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ และผู้ต้องหาหลบหนีไปได้
 

ต่อมา เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายบุรินทร์หลบหนีผ่านซอยทะลุถนนรถไฟสายเก่า ก่อนเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บนถนนเกษมราษฎร์ เขตคลองเตย ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว แต่ไม่พบตัวผู้ต้องหา

 

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้สัมภาษณ์ญาติของเยาวชนผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า เยาวชนทั้งสองเป็นน้องสาวและหลานสาวของตน ขณะเกิดเหตุได้ออกไปซื้อของที่ร้านขายของชำหน้าปากซอย ระหว่างเดินกลับบ้านได้ยินเสียงปืนและเสียงโวยวาย จึงพยายามวิ่งหนี แต่กลับถูกกระสุนปืนยิงได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์ และต้องผ่าตัดนำกระสุนออก พร้อมยืนยันว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ากระสุนที่ยิงถูกเป็นของฝ่ายใด แต่เห็นว่าเหตุลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้น และอยากให้มีการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี รวมถึงหาผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน

 

ภายหลังเกิดเหตุ พลตำรวจโทนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บัญชาการประจำ สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนทุกฝ่ายอย่างเร่งด่วน เพื่อเร่งติดตามจับกุมนายบุรินทร์มาดำเนินคดี

 

พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่ รู้เส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี ทำให้สามารถหลบหนีออกจากพื้นที่ไปได้ เบื้องต้นได้จัดชุดสืบสวนเร่งแกะรอย พร้อมยืนยันว่าหากผลตรวจพิสูจน์หลักฐานพบว่ากระสุนที่ถูกประชาชนเป็นของเจ้าหน้าที่ ตำรวจก็พร้อมรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งหมด

 

ด้านความคืบหน้าคดีเก่า ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายต๊อบ ผู้เสียหายที่เคยถูกนายบุรินทร์พยายามฆ่า เปิดเผยว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุทำร้ายตนและญาติรวม 4 คน เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยใช้อาวุธสนับมือมีใบมีดยาว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 3 คน หนึ่งในนั้นถูกแทงบริเวณหน้าอกทะลุปอด ซึ่งเป็นเหตุให้ตำรวจออกหมายจับในข้อหาพยายามฆ่า

 

นายต๊อบยังระบุว่า หลังเกิดเหตุ นายบุรินทร์ยังมีพฤติกรรมอันตรายต่อเนื่อง ทั้งควงมีด โชว์อาวุธปืน และข่มขู่ชาวบ้าน ทำให้ชุมชนเกิดความหวาดกลัว พร้อมยืนยันว่า ตนเองซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ได้รับบาดเจ็บจนแขนขวาใช้งานได้ไม่เหมือนเดิม ส่งผลกระทบต่ออาชีพไรเดอร์ และเคยกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์มาแล้ว

 

ขณะที่ประเด็นเรื่องอาการทางจิตเวชของผู้ต้องหา นายต๊อบมองว่าไม่เคยเห็นหลักฐานชัดเจน และเชื่อว่าสาเหตุอาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมากกว่า พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งจับกุมผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากเป็นบุคคลที่เป็นอันตรายต่อสังคม