3 เหล่าทัพเร่งพัฒนาอาวุธยิงไกล ตั้งหน่วยร่วม เสริมแกร่งชายแดน

3 เหล่าทัพ ร่วมประชุมใหญ่ เร่งบูรณาการพัฒนา “อาวุธยิงระยะไกล-หน่วยบัญชาการร่วม” เสริมความพร้อมชายแดนไทย-กัมพูชา

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) จัดประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2569 โดยมี พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมผู้บัญชาการทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

 

3 เหล่าทัพเร่งพัฒนาอาวุธยิงไกล ตั้งหน่วยร่วม เสริมแกร่งชายแดน

 

3 เหล่าทัพเร่งพัฒนาอาวุธยิงไกล ตั้งหน่วยร่วม เสริมแกร่งชายแดน

 

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวแสดงความขอบคุณกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมกันปฏิบัติภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ด้วยความมุ่งมั่นและเสียสละเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ ดำรงการสนับสนุนการปฏิบัติงานของกองกำลังป้องกันชายแดนไทย ตลอดจนการเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างเต็มศักยภาพความสามารถในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที ภายใต้การปฏิบัติการร่วมกันของทุกเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยในวันนี้ที่ประชุมได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถด้านอาวุธยิงระยะไกลในทุกเหล่าทัพ เพื่อให้ทุกหน่วยรับทราบ นำไปสู่การพัฒนายุทโธปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีสาระสำคัญดังนี้

กองบัญชาการกองทัพไทย ชี้แจงแนวคิดการจัดตั้งหน่วยบัญชาการขีดความสามารถร่วมกองทัพไทย (Joint Capabilities Command : JCC) ซึ่งจะทำหน้าที่บูรณาการการใช้ขีดความสามารถร่วมต่าง ๆ ของกองทัพไทยในการปฏิบัติภารกิจ โดยเฉพาะด้านการปฏิบัติการไซเบอร์ร่วม ด้านการปฏิบัติการคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าร่วม และด้านเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติและการป้องกันภัยทางอากาศร่วม ให้เป็นไปอย่างประสานสอดคล้อง มีประสิทธิภาพสูงสุด และมีความทันสมัยเท่าทันต่อเทคโนโลยีและภัยคุกคาม มีโครงสร้างที่สำคัญ ได้แก่ กองบัญชาการหน่วยบัญชาการขีดความสามารถร่วมกองทัพไทย และหน่วยระบบอัตโนมัติและการป้องกันภัยทางอากาศร่วม โดยจะดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเริ่มปฏิบัติงานได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป

3 เหล่าทัพเร่งพัฒนาอาวุธยิงไกล ตั้งหน่วยร่วม เสริมแกร่งชายแดน

 

รวมถึงได้ชี้แจงแนวคิดการพัฒนาอาวุธยิงระยะไกลที่มีความแม่นยำสูง (Long Range Precision Fire : LRPF) ของกองทัพไทย ซึ่งเหล่าทัพได้มีการนำระบบอาวุธยิงระยะไกลเข้าประจำการแล้วบางส่วน ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ อย่างไรก็ตามยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาขีดความสามารถด้านอาวุธยิงระยะไกลให้ทัดเทียมกับประเทศในภูมิภาค โดยยึดถือแนวทางการพัฒนาตามเอกสารยุทธศาสตร์และการพัฒนากองทัพของกระทรวงกลาโหม และเอกสารสมุดปกขาวของกองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพไทย

รวมถึงนโยบายของผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่กำหนดยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นกองทัพที่ทันสมัยตามแนวคิด “RTARF 2050” และกำหนด Flagship Project เพื่อเร่งรัดการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพไทยด้านต่าง ๆ รวมถึงด้านอาวุธยิงระยะไกลที่มีความแม่นยำสูง ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว จึงมีแนวคิดในการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการพัฒนาขีดความสามารถด้านอาวุธยิงระยะไกลในภาพรวมของกองทัพไทย มุ่งสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการพัฒนาระบบสนับสนุนต่าง ๆ รวมถึงหลักนิยม โดยจะมีการจัดทำเอกสารแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถอาวุธยิงระยะไกลของกองทัพไทย และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาฯ ได้ภายในปีงบประมาณ 2570

กองทัพบก นำเสนอแนวทางการพัฒนาอาวุธยิงระยะไกลของกองทัพบก มุ่งเน้นการพัฒนาทั้งขีดความสามารถและประสิทธิภาพควบคู่กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมในหลายมิติ ซึ่งเครื่องมือทางยุทธศาสตร์และยุทธการที่สำคัญที่สุดในการบรรลุผลสัมฤทธิ์ดังกล่าว คือระบบอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลที่มีความแม่นยำ (Long Range Precision Fires, LRPF) ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว สู่การปฏิบัติการร่วม (Joint Integration) ดังนี้

ด้านหลักนิยม (Doctrine) ปรับปรุงพัฒนาหลักนิยมทางทหารให้สอดคล้องกับหลักนิยมของหน่วยดำเนินกลยุทธ์ที่เปลี่ยนแปลง ให้สอดคล้องกับระบบอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย รูปแบบการรบ และรูปแบบของภัยคุกคามที่เปลี่ยนไปในทุกระดับ รวมทั้งนำบทเรียนจากการรบบริเวณแนวชายแดนด้านตะวันออกมาประยุกต์ใช้

ด้านโครงสร้างการจัด (Organization) ปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หน่วยรับการสนับสนุนที่มีการปรับปรุงอัตราการจัดใหม่ ให้มีความกะทัดรัด อ่อนตัว และง่ายในการประกอบกำลัง สามารถปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศได้อย่างทันท่วงที

ด้านการฝึก (Training) ให้ความสำคัญกับการฝึกที่เกี่ยวข้องกับระบบอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลที่มีความแม่นยำ โดยบูรณาการกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่การฝึกในการกำหนดเป้าหมาย (Targeting) เพื่อฝึกให้กำลังพลใช้เครื่องมือลาดตระเวนและรวบรวมข่าวกรองที่หลากหลายและทันสมัย รวมทั้งกำหนดให้มีการทบทวนหลังการปฏิบัติ (After Action Review : AAR)

ด้านยุทโธปกรณ์ (Materiel) ตามแผนการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านอาวุธยิงสนับสนุน รวมทั้งภัยคุกคามที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางลึก (Deep Operations) ด้วยระบบอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกล เพื่อทำลายจุดศูนย์ดุล (Center of Gravity) ของฝ่ายตรงข้าม การมีระบบอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งเป็นการสร้างความได้เปรียบทางยุทธวิธี และลดความสูญเสียของกำลังพลฝ่ายเรา ทั้งนี้จะต้องมีการบูรณาการระบบค้นหาเป้าหมาย (Target Acquisition) ที่สามารถเชื่อมต่อกับหน่วยเหนือในทุกระดับ โดยใช้การปฏิบัติที่มีเครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operations) ควบคู่กับการจัดหาและพัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAS) ทั้งในระดับยุทธวิธีและระดับปฏิบัติการ (MALE UAS) รวมถึงระบบเรดาร์ตรวจจับเป้าหมายเคลื่อนที่ และเรดาร์กำหนดที่ตั้งปืนใหญ่ เพื่อทำการยิงได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และอากาศยานไร้คนขับบินรอโจมตี (Loitering UAV) สำหรับเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ

ด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) วางแผนต่อยอดการวิจัยพัฒนาระบบจรวดหลายลำกล้องนำวิถี DTI-1G (Advance DTI-1G GMLRS) เพื่อยกระดับขีดความสามารถจากเดิม โดยมุ่งเน้นการร่วมวิจัยและผลิตในประเทศ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการวิจัยพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาขีดความสามารถกำลังพลให้สามารถดำรงสภาพยุทโธปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ลดการพึ่งพาจากภายนอกได้ในระยะยาว

 

3 เหล่าทัพเร่งพัฒนาอาวุธยิงไกล ตั้งหน่วยร่วม เสริมแกร่งชายแดน

 

กองทัพอากาศ ได้นำเสนอการพัฒนาขีดความสามารถด้านอาวุธยิงระยะไกลที่มีความแม่นยำของกองทัพอากาศ มุ่งพัฒนาขีดความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามและความท้าทายในปัจจุบัน โดยมีแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถด้านอาวุธยิงระยะไกลในอนาคต กำหนดรูปแบบการดำเนินการ ได้แก่ โครงการจัดหายุทโธปกรณ์จากผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน ใช้เทคโนโลยีทางทหาร และมีความเชื่อถือได้ โครงการความร่วมมือกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศตามศักยภาพและขีดความสามารถภายใต้มาตรฐานทางทหาร เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ ส่งเสริมโครงการวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำเสนอแนวคิดในการพัฒนาขีดความสามารถตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ ดังนี้ การจัดหน่วยและโครงสร้างกำลังให้สอดคล้องกับแผนป้องกันประเทศ โดยปัจจุบันได้รับการบรรจุกำลังตามแผนป้องกันประเทศในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม จากลักษณะภารกิจด้านการตั้งรับ การยึดพื้นที่ และการรักษาความมั่นคงพื้นที่ส่วนหลัง เห็นควรเพิ่มเติมกำลังในลักษณะ “กองหนุนที่มีความพร้อมรบ” ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความอ่อนตัวและความต่อเนื่องในการปฏิบัติการของตำรวจตระเวนชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงยุทโธปกรณ์และยานพาหนะให้เหมาะสมกับรูปแบบการรบสมัยใหม่

ท้ายการประชุม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวขอบคุณความร่วมมือจากทุกเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้เน้นย้ำให้เหล่าทัพปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท และเสียสละเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ ดำรงการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่ รวมทั้งพัฒนากำลังพลให้มีความรู้ความสามารถ เพื่อรองรับภัยคุกคามในอนาคตได้ทุกมิติ