ซาโตะ บอกสื่อบ้านเกิดอย่างไม่อาย หลังโดน บัวขาว น็อคในยกแรก สางแค้น 14 ปี

ซาโตะ บอกสื่อบ้านเกิดอย่างไม่อาย หลังโดน บัวขาว น็อคในยกแรก สางแค้น 14 ปี อีกหนึ่งแมตช์ในประวัติศาสตร์ของวงการมวย เมื่อ 2 ตำนานได้กลับมาฟาดหมัดกันอีกครั้งในศึก ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ (RWS) รายการ KAT Presents Legend of Rajadamnern ที่ บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยขวัญใจชาวไทย เป็นฝ่ายเอาชนะน็อก โยชิฮิโร่ ซาโตะ (Yoshihiro Sato) นักชกชาวญี่ปุ่น ไปได้เพียงแค่ยกแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

 

โดยไฟต์ดังกล่าว บัวขาว บัญชาเมฆ ออกอาวุธเข้าใส่ ซาโตะ จนต้องล่าถอย ก่อนที่ทั้งคู่จะพยายามออกอาวุธใส่กัน ก่อนที่ บัวขาว จะจัดทั้งก้านคอ ฮุกซ้าย ตามด้วย บัวขาว จะถีบด้วยขวา และตามด้วยหมัดขวาตาม จน ซาโตะ น็อคไปกองกับพื้น กระทั่งกรรมการนับจนถึง 10 และดูท่าทีว่า ซาโตะ สู้ต่อไม่ไหวจึงได้ยุติการชกในทันที

 

(อ่านข่าว - น็อคตั้งแต่ยกแรก บัวขาว VS ซาโตะ ซัดปลายคางนอนกอง กรรมการต้องยุติการชกทันที)

โดยหลังจบไฟต์ นักมวยชาวญี่ปุ่นวัย 41 ปี ได้เปิดใจถึงเรื่องทั้งหมดผ่าน gonkaku สื่อชื่อดังในวงการกำปั้นของประเทศญี่ปุ่น ว่า ไฟต์ดังกล่าวถือเป็นเกียรติของตนเองที่ได้เดินทางมาชกที่เวทีราชดำเนิน และตนดีใจมากๆ พร้อมทั้งกล่าวขอขอบคุณไปยังฝ่ายจัดที่ให้เกียรติกับตนเอง

"แม้ผมจะเลิกชกมวยไปแล้ว แต่ผมก็ยังคงมีซ้อมอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามสุดท้ายผมก็แพ้ให้กับนักมวยที่ยังคงอยู่บนเส้นทางอาชีพในตอนนี้อย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ" โยชิฮิโร่ ซาโตะ เปิดใจ

นอกจากนี้ ซาโตะ ยังได้เผยเบื้องหลังการชกในไฟต์นี้ที่ไม่เคยบอกใครผ่านสื่อบ้านเกิดอีกว่า "ผมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจบไฟต์ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ (มีอาการปวดหัว) แต่ผมโชคดีที่ไม่ต้องนอนที่โรงพยาบาล โดยมีเงื่อนไขว่าผมจะต้องมีผู้ดูแลเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และผมก็โชคดีที่ไม่มีอาการใดๆ หลังจากนั้น ก่อนได้ขึ้นเครื่องบินกลับบ้านมาได้ และตอนนี้ผมสบายดีแล้ว" อดีตนักชกชาวญี่ปุ่น เผย

อย่างไรก็ตาม สำหรับ โยชิฮิโร่ ซาโตะ นักชกชาวญี่ปุ่น ถือเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถเอาชนะน็อก บัวขาว บัญชาเมฆ ได้ตลอดการชกอาชีพ โดยครั้งนั้นเจอกันในศึก K-1 World MAX 2008 รอบ 8 คนสุดท้าย ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไฟต์นั้นยาวนานมาถึง 14 ปี กระทั่ง บัวขาว จะสามารถลสางแค้น ซาโตะ ได้สำเร็จ

คลิกเพื่อชมคลิป

ภาพจาก RWS - Rajadamnern World Series
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline