เปิดตำนานอาถรรพ์! "พระกระดูกผี วัดโพธิ์" อีกหนึ่งตัวช่วยในสงครามอินโดจีน!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th

             พระปิดตาเนื้อผงอัฐิ วัดโพธิ์ท่าเตียน เป็นพระเครื่องที่ผู้นำไปใช้บูชาติดตัวแล้ว ต่างมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมามากมาย ในด้านประสบการณ์ต่างๆ พระรุ่นนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ครั้งสงครามอินโดจีน  ในยุคนั้นทำให้เราได้รู้จักพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมขลังมากมาย รวมทั้งวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างขึ้นมาเพื่อแจกให้ทหารที่ออกรบ พระเกจิอาจารย์หลายท่าน จึงได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นมาแจกจ่ายแก่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และประชาชน ไว้ป้องกันอันตราย เป็นขวัญและกำลังใจ

              เมื่อราวปี ๒๔๘๕ พระอาจารย์หนู วัดโพธิ์ ท่าเตียน (หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลราม)เป็นพระเกจิอาจารย์จาก จ.สุรินทร์ มีเชื้อสายเป็นชาวเขมร ท่านมีวิชาอาคมแก่กล้า และเชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์มาก แม้อายุจะไม่มากนัก แต่ความรู้ความสามารถทางคาถาอาคมมีสูง จนมีผู้คนเคารพนับถือกันอย่างกว้างขวาง เป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้สร้างพระเครื่องขึ้นมาในครั้งนั้นด้วย เป็นการสร้างโดยตัวท่านเอง แบบเงียบๆ ค่อยเป็นค่อยไป คือ พระปิดตาเนื้อผงอัฐิ

                 เนื่องจากพระอาจารย์หนู มีความชำนาญในวิชาอาคม และไสยศาสตร์มาก การสร้างพระเครื่องของท่าน จึงทำแบบพิสดาร ผิดไปจากการสร้างพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ทั่วๆ ไป

                กล่าวคือ ท่านได้นำเอา อัฐิ หรือ ขี้เถ้ากระดูกของคนตาย มาสร้างเป็นองค์พระปิดตา ผสมกับผงพุทธคุณ, ผงอิทธิเจ และว่านอาถรรพ์ต่างๆ  การที่ท่านนำเอาขี้เถ้ากระดูกของคนตายมาสร้างพระเครื่อง เป็นเหตุผลของตัวท่านเอง เนื่องจากขี้เถ้ากระดูกของคนตายนี้ ตามหลักของวิชาไสยศาสตร์ ถือว่าเป็นวัสดุอาถรรพณ์ชนิดหนึ่ง

เปิดตำนานอาถรรพ์! \"พระกระดูกผี วัดโพธิ์\" อีกหนึ่งตัวช่วยในสงครามอินโดจีน!
ขอขอบคุณภาพจาก : http://www.thaprachan.com/show_pra.php?id=1140080

             แต่การที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกของคนตายมาสร้างวัตถุมงคล จะต้องเป็นคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้า ถึงจะทำได้ เพราะของแบบนี้ ย่อมมีแรงอาถรรพณ์อยู่ในตัว

            ขี้เถ้ากระดูกผี ที่พระอาจารย์หนูนำมาสร้างพระเครื่องนั้น ไม่ได้จำเพาะว่า จะต้องเป็นขี้เถ้ากระดูกของคนที่ตายโหง หรือตายวันเสาร์เผาวันอังคาร แต่ประการใด ขอให้เป็นขี้เถ้าของกระดูกคนที่ตายแบบไหนก็ใช้ได้ สมัยนั้น ชาวบ้านนิยมเผาคนตายตามเชิงตะกอน ช่วงสงครามมีคนตายกันมาก ขี้เถ้ากระดูกของคนตายจึงสามารถหาได้ง่าย

           แต่ก่อนที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกคนตายมาใช้สร้างพระเครื่อง ท่านจะทำพิธีพลีกรรมก่อนทุกครั้ง ตามวิชาที่ได้เรียนมา

           พระผงขี้เถ้ากระดูกคนตาย ที่พระอาจารย์หนูสร้างขึ้นนั้น ท่านได้เอา ว่านโพง หรือว่านกระสือ เป็นว่านที่มีอาถรรพ์ และมีอิทธิฤทธิ์มาก มักขึ้นอยู่ตามป่าลึก หากสัตว์พลัดหลงเข้าไปในบริเวณที่มีว่านชนิดนี้ขึ้นอยู่ อาจถูกว่านดูดเลือดกินจนตายก็ได้ นำว่านชนิดนี้มาบดให้ละเอียดผสมเข้าไปด้วย

            ว่านโพงหรือว่านกระสือนี้ อาจารย์ไสยศาสตร์ที่มีวิชาอาคมขลัง มักจะชอบเลี้ยงเพื่อไว้เฝ้าบ้าน การเลี้ยงว่านชนิดนี้ เลี้ยงยากกว่าว่านชนิดอื่นๆ

             อย่างไรก็ตาม แม้มวลสารที่พระอาจารย์หนูนำมาใช้ในการสร้างพระปิดตา ดูจะ น่ากลัว แต่ท่านได้ทำพิธีพลีกรรมถูกต้องตามตำราทุกประการ จึงทำให้ผู้ที่นำพระไปใช้ กลับได้รับคุณอย่างเดียว เรื่องโทษยังไม่เคยปรากฏ และผลที่ได้กลับแปลก คือ แรง และ เร็ว กว่าวัตถุมงคลชนิดอื่นๆ หลายเท่า

เปิดตำนานอาถรรพ์! \"พระกระดูกผี วัดโพธิ์\" อีกหนึ่งตัวช่วยในสงครามอินโดจีน!

ขอขอบคุณภาพจาก : http://www.web-pra.com/shop/morepunrith/show/711520

             พุทธคุณจะแรงและเร็ว คนที่ชอบของแรงๆ พุทธคุณเด่นชัดเร็วๆ ต้องบูชาพระปิดตาสำนักนี้ รับรองว่า แขวนเดี่ยวจะปรากฏประสบการณ์อย่างชัดเจนมาก มีครบสูตร ไม่ว่าจะคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม  ซึ่งคล้ายๆ กับเครื่องรางของขลัง ผู้นำมาใช้อธิษฐานขอสิ่งใด มักจะสมหวังเสมอ และหากสมหวังดั่งใจแล้ว ก็ควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าของเถ้ากระดูกนั้นด้วย

         เปิดตำนานอาถรรพ์! \"พระกระดูกผี วัดโพธิ์\" อีกหนึ่งตัวช่วยในสงครามอินโดจีน!

           สำหรับประสบการณ์ที่เล่าขานกันนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่ทั้งทหารไทย และทหารญี่ปุ่น จนมีคำเรียกติดปากกันในยุคนั้นว่า ทหารผี เพราะมีคนเห็นว่า ทหารไทยโดนยิงจนล้มแล้ว กลับลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ ทั้งๆ ที่น่าจะตาย แต่ไม่ตาย เพราะหนังเหนียว ทรหดอดทนมาก

              พระปิดตาผงกระดูกผี นี้เมื่อบูชาแล้วจะเด่นมากในด้านความปลอดภัย ป้องกันภัยดี เวลาเดินทางไปไหน มาไหน ทั้งๆ ที่ไปคนเดียว แต่มีคนกลับมองเห็นว่า เหมือนมีคนเดินตามกันมาหลายคน

               บางคนนั่งรถไปธุระ พอลงจากรถ มักจะมีคนถามว่า...คนที่มาด้วยไปไหนแล้ว...อย่างนี้ก็มี ส่วนประสบการณ์ด้านอื่นๆ เช่น การเสี่ยงโชค นักเสี่ยงโชคมักจะมีความรู้สึกว่า มีคนคอยมาดลจิต ให้ได้รับโชคนั้นๆ แต่มีข้อแม้ว่า หากใครได้โชคมาพอประมาณแล้ว ก็ควรจะเลิก อย่าโลภมาก เพราะอาจจะหมดตัวก็ได้

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  อาถรรพณ์ ! 'พระปิดตาผงอัฐิ' 'พระอาจารย์หนู' วัดโพธิ์ท่าเตียน