- 08 ก.ย. 2559
รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th
“พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย” หลวงปู่มั่นยืนยันไว้นานแล้ว
เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่ผู้เล่า (หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ) อยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นที่บ้านหนองผือ มีชาวกรุงเทพมหานครไปกราบนมัสการ ถวายทาน ฟังเทศน์ และได้นำกระดาษห่อธูป มีเครื่องหมายการค้ารูปตราพระพุทธเจ้า (บัดนี้รูปตรานั้นไม่ปรากฏ) ตกหล่นที่บันไดกุฏิท่านพอได้เวลา ผู้เล่าขึ้นไปทำข้อวัตรปฏิบัติท่านตามปกติพบเข้าเลยเก็บขึ้นไป
พอท่านเหลือบมาเห็นก็ถามว่า “นั่นอะไร”
“รูปพระพุทธเจ้าขอรับกระผม”
ท่านกล่าวว่า “ดูสิ...คนเรานับถือพระพุทธเจ้าแต่เอาพระพุทธเจ้าไปขายกิน ไม่กลัวนรกนะ”
แล้วท่านก็ยื่นให้ผู้เล่าบอกว่า “ให้บรรจุเสีย”
ผู้เล่าเอามาพิจารณาอยู่เพราะไม่เข้าใจคำว่า “บรรจุ” จับพิจารณาดูพระพักตร์เหมือนแขกอินเดีย (ผู้เล่าอยู่กับท่านองค์เดียว... ท่านวันยังไม่ขึ้นมา)
ท่านพูดซ้ำอีกว่า “บรรจุเสีย”
“ทำอย่างไรขอรับกระผม”
“ไหนเอามาซิ”
จึงยื่นถวายท่านท่านจับไม้ขีดไฟมาทำการเผาเสียและพูดต่อว่า
“หนังสือธรรมะสวดมนต์ที่ตกหล่นขาดวิ่นใช้ไม่ได้แล้วก็ให้รีบบรรจุเสียกลัวคนไปเหยียบย่ำจะเป็นบาป”
ผู้เล่าเลยพูดไปว่า “พระพุทธเจ้าเป็นแขกอินเดียนะกระผม”
ท่านตอบ “หือ...คนไม่มีตาเขียนเอาพระพุทธเจ้าไปเป็นแขกหัวโตได้”
ท่านกล่าวต่อไปว่า
“อันนี้ได้พิจารณาแล้วว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทยพระอนุพุทธสาวกในยุคพุทธกาลตลอดถึงยุคปัจจุบันล้วนแต่ไทยทั้งนั้น ชนชาติอื่นแม้แต่สรณคมน์และศีล 5 เขาก็ไม่รู้จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไรดูไกลความจริงเอามากๆ
เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่าชนชาติไทยคือชาวมคธรวมรัฐต่างๆมีรัฐสักกะเป็นต้นหนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้นและชนชาติพม่าคือชาวรัฐโกศลเป็นรัฐใหญ่รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชีมัลละเจติเป็นต้นก็ทะลักหนีตายจากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะอวิชชามาผสมผสานเป็นมอญ(มัลละ)เป็นชนชาติต่างๆในพม่าในปัจจุบันส่วนรัฐสักกะใกล้กับรัฐมคธก็รวมกันอพยพมาสุวรรณภูมิตามสายญาติที่เดินทางมาแสวงโชคล่วงหน้าก่อนแล้ว”
ผู้เล่าเลยพูดขึ้นว่า “ปัจจุบันพอจะแยกชนชาติในไทยได้ไหมขอรับกระผม”
“ไม่รู้สิ... อาจเป็นชาวเชียงใหม่ชาวเชียงตุงในพม่าก็ได้”
ขณะนั้นท่านวันขึ้นไปพอดี ... ตอนท้ายก่อนจบท่านเลยสรุปว่า
“อันนี้ (หมายถึงตัวท่าน) ได้พิจารณาแล้วทั้งรู้ทั้งเห็นโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น”
ผู้เล่าพูดอีกว่า “แขกอินเดียทุกวันนี้คือพวกไหนขอรับกระผม”
ท่านบอก “พวกอิสลามที่มาไล่ฆ่าเราน่ะสิ”
“ถ้าเช่นนั้นศาสน์พราหมณ์ฮินดูเจ้าแม่กาลีการลอยบาปแม่น้ำคงคาทำไมจึงยังมีอยู่รวมทั้งภาษาสันสกฤตด้วย”
“อันนั้นเป็นของเก่าเขาเห็นว่าดีบางพวกก็ยอมรับเอาไปสืบต่อๆกันมาจนปัจจุบันส่วนพวกเราพระพุทธเจ้าสอนให้ละทิ้งหมดแล้วเราหนีมาอยู่ทางนี้พระพุทธเจ้าสอนอย่างไรก็ทำตาม”
ท่านยังพูดคำแรงๆว่า
“คุณตาบอดตาจาวหรือ... เมืองเราวัดวาศาสนาพระสงฆ์สามเณรเต็มบ้านเต็มเมืองไม่เห็นหรือ (ตาบอดตาจาวเป็นคำที่ท่านจะกล่าวเฉพาะกับผู้เล่า)
แขกอินเดียเขามีเหมือนเมืองไทยไหม...ไม่มีมีแต่จะทำลายโชคดีที่อังกฤษมาปกครองเขาออกกฎหมายห้ามทำลายโบราณวัตถุโบราณสถานแต่ก็เหลือน้อยเต็มทีไม่มีร่องรอยให้เราเห็นอย่าว่าแต่พระพุทธเจ้าเลยตัวเธอเองนั่นแหละถ้าได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวอินเดียจ้างเธอก็ไม่ไปเกิด
ของเหล่านี้นั้นต้องไปตามวาสตามวงศ์ตระกูลอย่างเช่นวงศ์พระพุทธศาสนาของเรานั้นเป็นอริยวาสอริยวงศ์อริยตระกูล เป็นวงศ์ที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติคุณแปลธรรมบทมาแล้วคำว่า ปุคฺคลฺโล ปุริสาธญฺโญ ลองแปลดูซิว่า พระพุทธจะเกิดในมัชฌิมประเทศหรืออะไรที่ไหนก็แล้วแต่จะเป็นที่อินเดียหรือที่ไหนก็ตาม ทุกแห่งตกอยู่ในห้วงแห่งสังสารวัฏถึงวันนั้นพวกเราอาจจะไปอยู่อินเดียก็ได้
พระพุทธเจ้าทรงวางพุทธศาสนาไว้จะเป็นระหว่างพุทธันดรก็ดีสุญญกัปก็ดี...ที่ไม่มีพระพุทธศาสนาแต่ชนชาติที่ได้เป็นอริยวาสอริยวงศ์อริยประเพณีอริยนิสัยก็ยังสืบต่อไปอยู่ถึงจะขาดก็ขาดแต่ผู้ได้สำเร็จมรรคผลเท่านั้นเพราะว่าจากบรมครู...ต้องรอบรมครูมาตรัสรู้จึงว่ากันใหม่”
ผู้เล่าได้ฟังมาด้วยประการฉะนี้แล
ที่มา : เกร็ดประวัติและปกิณกธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ๕ จากหนังสือ “รำลึกวันวาน” หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ, โพสต์ในลานธรรมเสวนา หมวดบันเทิงธรรม กระทู้ 19153 โดย: ภิเนษกรมณ์08 มี.ค. 49






