- 02 ต.ค. 2559
รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th
หลวงพ่อชาให้ข้อคิด... กินเจ-กินเนื้อก็เหมือนกินกบ-กินคางคก ไม่มีอะไรดีกว่ากัน ถ้ายังกินแบบยึดติดในรสชาติและความดี!!
วันหนึ่งมีคนมาถามหลวงพ่อชาเกี่ยวกับเรื่องการกินเจ กับการกินอาหารเนื้ออาหารปลาต่างกันอย่างไรอย่างไหนถูก อย่างไหนผิด เพราะปัจจุบัน มีสำนักปฏิบัติที่ถือข้อวัตรปฏิบัติต่างกันมากมายหลายแห่ง บางแห่งถือว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นบาปเป็นกรรมร่วม เพราะเท่ากับเป็นการยุให้เขาฆ่าสัคว์ ที่นั้นจะต้องถือมังสวิรัติ เว้นการฉันเนื้อฉันปลาอย่างเด็ดขาด
บางแห่งว่าการกินเจเป็นข้อวัตรของเทวทัตที่เคร่งครัดเกินไป จนพระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต เขาจึงสงสัยว่าอย่างไรจะถูกอย่างไรจะผิด ในระหว่างข้อวัตรปฏิบัติทั้งสองแบบนี้
อาตมาจึงว่าเหมือนกบกับคางคก”“แต่ทางที่ถูกนั้น ใครจะกินอะไรก็กินไป แต่ให้มีธรรมะ คนกินเนื้อ ก็อย่าเห็นแก่ปากท้อง อย่าเห็นแก่ความเอร็ดอร่อยจนเกินไป อย่าถึงกับฆ่าเขากินส่วนคนกินเจก็ให้เชื่อมั่นในข้อวัตรของตัวเอง เห็นคนอื่นกินเนื้ออย่าไปโกรธเขา รักษาตัวเราไว้ อย่าให้คิดอยู่ในการกระทำภายนอก พระเณรในวัดนี้ของอาตมาก็เหมือนกัน องค์ไหนจะถือข้อวัตรฉันเจก็ถือไป องค์ไหนจะฉันธรรมดาตามมีตามได้ก็ถือไป แต่อย่าทะเลาะกัน อย่ามองกันในแง่ร้าย อาตมาสอนอย่างนี้ท่านก็อยู่ไปด้วยกันได้ ไม่เห็นมีอะไรให้เข้าใจว่าธรรมะที่แท้นั้น เราจะเข้าถึงได้ด้วยปัญญา ทางปฏิบัติที่ถูกก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเราสำรวมอินทรีย์คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจไว้ดีแล้ว จิตก็จะสงบ และปัญญาความรู้เท่าทันสภาพของสังขารทั้งหลาย ก็จะเกิดขึ้น จิตใจก็เบื่อหน่ายจากสิ่งที่น่ารักน่าใคร่ทั้งหลาย วิมุตตก็เกิดขึ้นเท่านั้น”
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี