ย้อนรอยการเผยประวัติหลวงปู่สรวงครั้งแรกกลางเมืองกรุง หลวงปู่โป๊ะยืนยัน หลวงปู่สรวงเชื้อพระวงศ์พระเจ้าชัยวรมัน อายุยืนผิดมนุษย์

ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

พระอาจารย์เทียนชัย แห่งสวนพุทธธรรมบายตึ๊กเจีย ได้เล่าไว้ว่า
ก่อนหลวงปู่จะละสังขารปี 43 ท่านบอกกับคนใกล้ชิดว่าอีก 10 ปีความลับจะเปิดเผย

ครั้นพอครบ 10 ปี ในปี 2553 เป็นปีที่ ท่านเจ้าคุณถาวร เชิญท่านอาจารย์สมมรรค กั้วพิสมัยขึ้นบรรยายธรรมบนศาลาพระราชศรัทธา (วัดปทุมวนาราม ปทุมวัน กรุงเทพฯ)

ในวาระนี้เองท่านอาจารย์สมมรรคได้ขึ้นเล่าเรื่องราวของหลวงปู่สรวงที่ได้รับ ฟังมาจากหลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก มีศรัทธาญาติโยมรับฟังเรื่องราวของหลวงปู่สรวงในครั้งนั้นในครั้งนั้นเป็น จำนวนหลายร้อยคนเต็มศาลาพระราชศรัทธาไปหมด

ท่านอาจารย์สมมรรคว่า ดังนี้

ย้อนรอยการเผยประวัติหลวงปู่สรวงครั้งแรกกลางเมืองกรุง หลวงปู่โป๊ะยืนยัน หลวงปู่สรวงเชื้อพระวงศ์พระเจ้าชัยวรมัน อายุยืนผิดมนุษย์

(หลวงปู่สรวง)

หลวงปู่สรวง เป็นชาวเขมรเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าชัยวรมัน องค์หลวงปู่สรวงท่านมีศักดิ์มีฐานันดรเป็นลูกชายคนโตครองตำแหน่งอุปราชผู้จะ ขึ้นครองราชย์สมบัติแห่งเมืองขอมคนต่อไป

ท่านเป็นพี่ชายของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 และแน่นอนว่าถ้าท่านอยู่ตามทางโลกท่านย่อมเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

แต่องค์หลวงปู่สรวงมีจิตใจใผ่ในทางเนกขัมมะคือออกบวชมาแต่เยาว์วัยด้วยวาสนา ที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ และไม่ปรารถนาจะอยู่ตามทางโลกอีกต่อไปทั้งเล็งเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ตามทาง โลกโดยเฉพาะการขึ้นครองราชย์สมบัตินั้นเป็นสิ่งที่มีภาระมากต้องตัดสินลง อาญา ต้องก่อกรรมทำบาปโดยใช่เหตุ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจออกบวช
 

การออกบวชครั้งแรกของหลวงปู่สรวงนั้น หลวงปู่สรวงท่านออกบวชเป็นฤาษี ท่านท่องเที่ยวไปตามป่าเขาลำเนาไพรจนไปพบเจออาจารย์ที่เป็นมหาฤาษีผู้สำเร็จ อภิญญาสมบัติ  หลวงปู่สรวงมีอายุยืนยาวนับพันปี  มีญาณสมาบัติกล้าแข็งมีฤทธิ์อภิญญาสามารถเหาะเหินเดินฟ้า เดินไต่น้ำ ดำดิน เดินทะลุภูผากอไผ่หินผาศิลาแลงที่ทึบทั้งแท่งก็เดินทะลุได้ มีตาทิพย์หูทิพย์ ล่วงรู้ในสิ่งต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์

หลวง ปู่สรวงร่ำเรียนวิชากับองค์มหาฤาษีผู้ทรงฤทธิ์จนสำเร็จวิชาต่าง ๆ ครบถ้วน ทรงอภิญญามีอายุยืนยาวนานไม่จำกัดกาลเวลาได้ ที่สำคัญคือองค์หลวงปู่สรวงมีอภิญญาแก่กล้าทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่าง ๆ หลวงปู่สรวงเมื่อสำเร็จเป็นมหาโยคีผู้มีฤทธิ์อำนาจทางจิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ท่านก็เที่ยวโปรดชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากจากการเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
องค์หลวงปู่สรวงท่านจะประจำอยู่ตามอโรคยาศาลาโดยอโรคยาศาลานี้เป็นปราสาทหิน ขนาดเล็กสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานพยาบาล แก่ประชาชนชาวบ้านทั้งหลาย ที่ได้รับทุกขเวทนาจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ องค์หลวงปู่สรวงท่านก็โปรดชาวบ้านด้วยเวทย์มนต์คาถา ตัวยาสมุนไพร พลังอำนาจจิต ทำให้ชาวบ้านพ้นจากทุกข์ของเจ็บไข้ได้อย่างน่าอัศจรรย์

ย้อนรอยการเผยประวัติหลวงปู่สรวงครั้งแรกกลางเมืองกรุง หลวงปู่โป๊ะยืนยัน หลวงปู่สรวงเชื้อพระวงศ์พระเจ้าชัยวรมัน อายุยืนผิดมนุษย์

(หลวงปู่สรวง)
ใน ช่วงสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที 1 ชนชาติขอมยังนับถือลัทธิพราหมณ์ บูชาเทพยดา และภูตผีเป็นสรณะ พระเจ้าแผ่นดินยอมให้สร้างปราสาทเพื่อบูชาเทพเจ้า การสร้างปราสาทต้องใช้แรงงานทั้งคนทั้งสัตว์จำนวนมากมาย นอกจากนี้การบูชาเทพเจ้าในสมัยนั้น ยังนิยมการบูชายัญ และพิธีกรรมอีกมากมาย ทัศนคติการใช้แรงงานคนในการสร้างปราสาทหินและการบูชายัญนั้นหลวงปู่สรวงไม่ เห็นด้วย เพราะเป็นการทรมานคน ทรมานสัตว์ เห็นแล้วเกิดความสังเวชใจ

อย่างไรก็ตามหลวงปู่สรวงหรือมหาโยคีสรวงในครั้งนั้นก็ได้แต่เก็บความรู้สึก ไว้ภายใน และด้วยอำนาจฌานสมบัติที่ท่านสำเร็จสำเร็จแล้ว จึงทำให้ท่านสามารถมีชิวิตยืนยาวนับแต่รัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 จนมาถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 2,3,4,5,6และ 7
ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นี่เองความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาแบบมันตรยานกำลังก่อตัวและเจริญ อย่างสุงสุด ในช่วงต้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังนับถือลัทธิพราหมณ์ จนกระทั่งมหาโยคีสรวงได้ปลงใจว่าควรจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา เพราะเป็นศาสนาที่มีการบำเพ็ญสมณธรรมและมีหลักธรรมอันลึกซึ้ง เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับลัทธิโยคีที่ตนนับถืออยู่ แต่ดีกว่าลัทธิพราหมณ์ตรงที่ไม่เน้นการสร้างปราสาทเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีการบูชายัญ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
 

ดังนั้นองค์มหาโยคีสรวงจึงขอออกบวชเป็นพระภิกษุในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยมีพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นองค์ประธานในการบวชและเมื่อมหาโยคีสรวงกลายมาเป็นหลวงปู่สรวงแล้วท่านก็ชักชวนให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หันมานับถือพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกัน

ย้อนรอยการเผยประวัติหลวงปู่สรวงครั้งแรกกลางเมืองกรุง หลวงปู่โป๊ะยืนยัน หลวงปู่สรวงเชื้อพระวงศ์พระเจ้าชัยวรมัน อายุยืนผิดมนุษย์

จาก หนังสือ “หลวงปู่สรวง  500 ปี มหามุนีเทพดาบส” โดย “ทิพยจักร”