สวรร์ชั้นดุสิต คือสวรรค์ของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ จะสถิตอยู่หลังจากลาโลกมนุษย์ไปแล้ว เพื่อเตรียมการกลับมาบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า

สวรร์ชั้นดุสิต คือสวรรค์ของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ จะสถิตอยู่หลังจากลาโลกมนุษย์ไปแล้ว เพื่อเตรียมการกลับมาบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า

ท่านปิยโสภณ (พระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก)

ในข้อเขียนเรื่อง "ทรงเป็นเทพคุ้มครองไทย" ซึ่งท่านปิยโสภณ (พระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก) เขียนขึ้นเพื่อให้หลักธรรมสำหรับบรรเทาเยียวยาจิตใจของคนไทยเมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชนั้น มีข้อความตอนหนึ่งว่า

"ให้คิดว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จอุบัติมาสร้างบุญบารมี ทรงช่วยเหลือประชาชนบนราชบัลลังก์แห่งกษัตริย์มานานถึง ๗๐ ปี ... เมื่อเหนื่อยหนักก็อยากพักผ่อนบ้าง

วันนี้พระองค์ท่านทรงพักพระวรกายให้สบายใจ ... ทรงพ้นทุกข์โศกโรคภัยทุกประการแล้ว

เพียงร่างกายเท่านั้นที่เจ็บป่วย ... แต่ดวงใจยังแจ่มใส สงบนิ่ง อิ่มบุญ

เพียงพระองค์ลงมาสร้างบารมีเยี่ยมเยียนโลกมนุษย์ชั่วขณะหนึ่ง ... เสร็จภาระแล้ว วันนี้ขอเดินทางกลับไปสู่สวรรคาลัยที่ทรงประทับ

บุญบารมีที่ทรงบำเพ็ญ ๘๙ ปี บนโลกมนุษย์ ก็เพียงพอแล้วที่จะต่ออายุบนโลกสวรรค์

พระองค์ไม่ได้ทิ้งคนไทยไปไหน แต่ทรงไปเป็นเทพไท้เทวาผู้มีศักดิ์ใหญ่ คอยปกป้องคุ้มครองผืนแผ่นไทย พสกนิกรไทยที่จงรักภักดีต่อพระองค์ ให้ทุกคนร่มเย็นเป็นสุข"

ตามคติธรรมในศาสนาพุทธได้กล่าวไว้ถึงสวรรค์ชั้นดุสิต คือ ที่พักของเหล่าพระอริยะ หรือที่ที่เหล่าผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ  เมื่อตาย หรือจากโลกนี้ไปแล้วจะไปอยู่ที่ชั้นนี้  เหมือนที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเคยกล่าวบันทึกไว้ในหนังสือชุด ตายแล้วไปไหน ภาคที่ ๔ ตายจากความเป็นมนุษย์แล้วไปเกิดบนสวรรค์ ดังตัวอย่างของบุคคลต่อไปนี้

ท่านธรรมิกอุบาสกตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต

พระศรีอาริยเมตไตรยปรารถนาพระโพธิญาณจึงไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต

หลวงพ่อปานวัดบางนมโคปรารถนาพระโพธิญาณมรณภาพแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต

 

และ  รัชกาลที่๙ ก็เป็นอีกพระองค์หนึงที่ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเคยกล่าวรับรองว่า เป้นพระโพธิสัตว์ ซึ่งนั้นหมายความว่าณ.เวลานี้  พระองค์ท่านก็คงไปประทับอยู่ที่ สวรรค์ชั้นดุสิต เฉกเช่นท่านอื่นๆที่ปรารถนาพุทธภูมิก็เป็นได้