สัมผัสพลังเหนือโลกแห่งพระเจ้าตากสิน กับบรรยากาศงานบวงสรวงของชาวชุมชนวัดอรุณ ชุมชนเล็กๆ แรงศรัทธาเกิน100

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นกษัตริย์นักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมา

ทรงเป็นมหาราชที่ไม่มีผู้ใดเทียบเท่าได้ ด้วยพระปรีชาสามารถที่ทรงกอบกู้เอกราชและรวมชาติรวมแผ่นดินไทยขึ้นมา
หลังจากการกอบกู้เอกราชจากพม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยานั้นไม่อาจซ่อมแซมแก้ไขได้ดังเดิมประกอบพวกพม่ารู้ช่องทางในการเข้าโจมตีเป็นอย่างดี ดังนั้นการไปตั้งราชธานีใหม่จึงเป็นเรื่องเหมาะสมกว่า ด้วยเหตุดังนี้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจึงทรงนำเหล่าทหาร และประชาชนทั้งหลายมาตั้งราชธานีใหม่ ซึ่งก็คือ “กรุงธนบุรี”

 

โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเลือกชัยภูมิบริเวณชุมชนวัดอรุณเป็นที่ตั้งของพระราชวัง

ด้วยเหตุนี้เขตชุมชนวัดอรุณฯ จึงนับเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสถานที่แรกที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมาปักหลักและตั้งบ้านตั้งเมืองนาม กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร

ทั้งนี้ ในวันที่ 28 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันพระเจ้าตากสิน ทางชุมชนวัดอรุณก็ได้จัดงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินขึ้น ซึ่งนักเขียนหนังสือขายดี ญาณพระอริยะไขปริศนาพระเจ้าตาก นาม “ทิพยจักร” ก็ได้เล่าบรรยากาศภายในงานให้ฟังว่า

เล่าเบื้องหลังทำพิธี

วันนี้ใครที่ไปร่วมงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชของชุมชนชาววัดอรุณ หน้าถนนวังเดิม ผู้ที่เข้าร่วมในพิธีบวงสรวงจะได้ยินการกล่าวสดุดดี โดยใช้บทอันตัวพ่อชื่อว่าพระยาตากผู้ที่กล่าวคืออาจารย์ฉัตรชัย ทองสวัสดิ์ เป็นผู้ประกอบพิธี

ในขณะที่ท่านกำลังกล่าวบทอันตัวพ่อชื่อว่าพระยาตาก บางช่วงเสียงขาดหาย ไอ้เราก็นึกว่าท่านจะอ่านไม่ออกเพราะไม่ได้เตรียมอ่านซ้อมรึเปล่าก็เลยเดิมอ้อมไปดู เปล่าครับเพราะภาพที่เห็นแกน้ำตาไหลมือสั่น อาการของแกคือปีติและเสมือนหนึ่งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาทาบร่างของแก แกอ่านจนจบบางช่วงบางตอนอาจขาดหายบางช่วงเสียงสั่นเครือเล็กน้อย แต่สรุปแกคุมอาการอยู่จนผ่านพ้นไปได้

 

(ผู้ร่วมงานบวงสรวง)

หลังเสร็จพิธีด้วยความเป็นนักข่าวเลยล็อกตัวแกสัมภาษณ์ เพราะทราบดีว่าวันนี้แกไปทำพิธีหลายที่แน่นอน แกเล่าว่าเช้าวันนี้ทำพิธีตั้งแต่วัดอรุณ ทวีธา แล้วก็ที่หน้าถนนวังเดิมตรงนี้ ที่อื่นไม่เป็น มาเป็นหนักที่นี่เลย

(รูปเคารพที่ชุมชนวัดอรุณร่วมกันสร้าง)

ผมถามแกว่าคิดว่าเพราะอะไรจึงเกิดอาการแบบนี้ แกเล่าว่าคงเพราะตรงนี้เป็นลูกหลานใกล้ชิดและเป็นภาคประชาชนที่ร่วมเงินกันคนละเล็กละน้อยไม่มีนายทุน ตรงจุดนี้จึงเสมือนว่าท่านน้อมส่งมงคลลงมาหาประชนธรรมดาที่ไม่มียศไม่มีศักดิ์

ฟังแกเล่าก็น่าชื่นใจ การประกอบกิจพิธีด้วยความตั้งใจแม้ว่าจะไม่ใหญ่โตอลังการหากแต่ทำด้วยความตั้งใจสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชต่อให้ท่านเป็นคนที่ไม่มีหน้าไม่มีตาในสังคม ไม่มีเกียรติไม่มียศ ท่านก็ยิ่งมองลงมาและน้อมส่งมงคลมาหาผู้นั้น

พลังเหนือโลกย่อมลงมาโปรดคนที่ตัวเล็กที่สุดแต่จิตใจใหญ่เสมอ

ทิพยจักร

 

ข่าว: ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)