- 26 ก.พ. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ www.tnews.co.th
เรื่องข้องใจต่อความเป็นนิกายนี้ หลวงพ่อชาเคยสงสัยและก็ได้รับความกระจ่างจากหลวงปู่มั่นมาแล้ว หลังจากนั้นท่านก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้อีก แต่พอได้เป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่ที่มีพระภิกษุสามเณรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงมีปัญหาเรื่องนี้ให้หลวงพ่อชาต้องสะสาง
ครั้งหนึ่ง มีพระสายธรรมยุติมาขอจำพรรษาที่วัดหนองป่าพง หลวงพ่อชาได้ถามความเห็นของที่ประชุมสงฆ์ว่า จะรับให้พระอาคันตุกะเข้าร่วมลงอุโบสถด้วยหรือ ไม่ ซึ่งพระส่วนมากก็ลงความเห็นว่าไม่ควร ด้วยเหตุผลว่า “ทางฝ่ายเขาก็ปฏิเสธฝ่ายเราอยู่” หลวงพ่อได้ให้เหตุผลแย้งที่ประชุมด้วยมุมมองที่เฉียบคมอย่างยิ่งว่า
“การทำอย่างนั้นมันก็ดีอยู่ แต่มันยังไม่เป็นธรรมเป็นวินัย มันยังเป็นทิฏฐิ สักกายทิฐิ มีความถือเนื้อถือตัวมาก มันไม่สบาย เอาอย่างพระพุทธเจ้าจะได้ไหม คือเราไม่ถือธรรมยุติไม่ถือมหานิกาย แต่เราถือพระธรรมพระวินัย ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะเป็นธรรมยุติหรือมหานิกายก็ให้ลงได้ ถ้าไม่ดี ไม่มีความละอายต่อบาป ถึงเป็นธรรมยุติก็ไม่ให้ร่วม เป็นมหานิกายก็ไม่ให้ร่วม ถ้าเราเอาอย่างนี้ก็จะถูกต้องตามพระพุทธบัญญัติ"
จากแนวคิดที่ยึดพระธรรมวินัยหรือความถูกต้องเป็นใหญ่นี้ ถือได้ว่าเป็นรูปแบบการปกครองที่จะต้องถือเอาเป็นตัวอย่างทีเดียว และนี่ก็คือการปกครองที่เรียกกันว่าธรรมาธิปไตย ซึ่งเป็นระบบที่นักปกครองทั้งหลายต้องหยิบยกขึ้นมาขบคิดกัน
จินต์จุฑารายงาน