- 17 พ.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
คนไทยทุกคนเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก “พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” ในฐานะเจ้าฟ้าผู้เปี่ยมด้วยบารมีเป็นที่เคารพศรัทธา แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่า พระองค์ทรงเป็น “หมอ” ที่มีพระอัจฉริยภาพด้านสมุนไพรอย่างเอนกอนันต์ และพระนามที่เราเรียกขานกันอย่างแพร่หลายว่า “เสด็จเตี่ย” นั้นมีที่มาอย่างไร
หากใครเคยผ่านไปแถวมหาวิทยาลัยพณิชยการพระนคร จะต้องเคยเห็น และเข้าไปกราบสักการะพระอนุเสาวรีย์พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักด์ แต่อาจมีเพียงไม่กี่คนที่ทราบว่า ภายในมหาวิทยาลัยฯ ยังมีสถานที่สำคัญเกี่ยวข้องกับพระองค์ท่านอยู่อีกที่หนึ่งคือ “เรือนหมอพร” ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้เป็น “เรือนพยาบาล” สำหรับรองรับคนไข้ที่มารับการรักษากับหมอพรมาก่อน
กำเนิดแห่ง “หมอพร”
“นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์” เป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเป็นต้นราชสกุล “อาภากร” ในวัยศึกษา พระองค์ทรงศึกษาวิชาทหารเรือในราชนาวีอังกฤษเป็นเวลาถึง 6 ปีเต็มจึงได้เสด็จกลับประเทศไทยและรับราชการในตำแหน่งต่างๆของกรมทหารเรือจนเจริญพระยศเป็นผู้ช่วยเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ
จนกระทั่งพระชนมายุได้ 30 พรรษาเศษ ก็ทรงออกจากประจำการ ในขณะนั้นจึงทรงคิดว่าพระองค์เองทรงโปรดปรานในอาชีพหมอเป็นอย่างมาก เคยเสด็จขึ้นเขา เข้าป่าเพื่อเก็บสมุนไพรมาทำยาแก้ไข้ แก้โรคต่างๆมาก็หลายครั้ง ในแต่ละครั้งก็จะมี “หมอป๊อต” ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรติดตามไปถวายคำแนะนำอยู่เสมอ ดังนั้น พระองค์จึงได้เสด็จไปหา “พระยาพิษณุประสาทเวช” หัวหน้าหมอหลวงเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ ไม่เพียงแต่พระยาพิษณุฯ เท่านั้นที่เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้พระองค์ ยังมีพระอาจารย์แพทย์ท่านอื่นๆอีกหลายท่าน เช่น หมอโบโตนี่ ชาวอิตาเลียน และ หมอมิตตานี่ ชาวญี่ปุ่น พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าตำรายไทยอย่างจริงจัง ถึงกับทรงสั่งกล้องจุลทรรศน์มาใช้ในการวิจัย ทรงมีห้องพิเศษเรียกว่า “ห้องเคมีวิทยาศาสตร์” ซึ่งมีเครื่องสกัดตัวยาที่ทรงสั่งเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากพระองค์ทรงโปรดการทดลองสกัดตัวยาจากสมุนไพร ด้วยพระองค์เอง ขณะทรงงานจะทรงแต่งองค์อย่างหมอฝรั่ง มีผ้ากันเปื้อน โดยมีพระโอรสและพระธิดาคอยช่วยถวายงานอยู่ด้วยเสมอ เมื่อครั้งทรงงานในฐานะ “หมอพร” พระองค์ยังเคยปรุงยาหอมจำหน่าย โดยทรงใช้ตราพระอาทิตย์ชักรถเป็นตราสินค้าด้วย
เมื่อเริ่มแรกที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ทรงทำการรักษา คนไข้ที่มาไม่รู้จักว่าพระองค์เป็นใคร จนวันหนึ่งมีคนไข้คนหนึ่งถามชื่อของหมอ พระองค์ไม่โปรดที่จะเปิดเผยองค์จริง เพราะเกรงว่าคนไข้ทั่วไปหรือคนไข้ที่ยากจนจะไม่กล้ามารักษา ถ้าทราบว่าพระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้า จึงตรัสตอบคนไข้ผู้นั้นไปว่า ผมชื่อ “หมอพร” และทรงรับสั่งให้คนไข้เรียกแทนพระองค์ว่า “หมอพร” นับแต่นั้นเป็นต้นมา ในการเก็บค่ารักษา หมอพรจะเก็บแต่เพียงค่ายกครูตามธรรมเนียมเท่านั้น ไม่เคยคิดเก็บค่ารักษาเพิ่มเติม และผู้ที่ได้รับการรักษาจากพระองค์ก็มักจะหายดีในเวลาไม่นานแทบทุกราย จึงทำให้ชื่อเสียงของหมอพร เป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วพระนครในเวลานั้น “หมอพร” ทรงโปรดที่จะเสด็จไปรักษาผู้ป่วยตามย่านต่างๆ อยู่เสมอ คนไข้บางคนยากจน ไม่มีเงินจ้างรถพาไปรักษา หากพระองค์ทรงทราบก็จะเสด็จไปรักษาให้ โดยทรงใช้รถยนต์เล็กที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานให้มีชื่อว่า “เอนกพล” เป็นพาหนะ
เมื่อพระองค์เสด็จไปตรวจคนไข้ในย่านชาวจีนบ่อยเข้า พวกคนจีนก็เกิดความคุ้นเคยและเคารพศรัทธา มักจะจัดหาขนมอย่างชาวจีน เช่น ขนมจันอับ ถั่วตัด งาตัด มาถวายเสมอๆ และพากันเรียกพระองค์ว่า “เตี่ย” และนี่คือที่มาของพระนาม “เสด็จเตี่ย” ที่พวกเรารู้จักคุ้นหูกันจนทุกวันนี้
ดังที่ทราบกันดีว่า หมอพรไม่เคยเรียกร้องค่ารักษาจากคนไข้ จะเก็บเพียงค่ายกครูตามธรรมเนียมเท่านั้น เมื่อถึงเวลา พระองค์ก็จะทรงประกอบพิธีไหว้ครูเป็นประจำทุกปี ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือจะต้องนิมนต์ “หลวงปู่ศุข เกสโร” พระอภิญญาสูงแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นหนึ่งในพระอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาสมุนไพรและไสยศาสตร์ มาร่วมในพิธีด้วยทุกครั้ง
ยาอายุวัฒนะของหมอพร
ในระหว่างที่กรมหลวงชุมพรฯทรงปฏิบัติหน้าที่ “หมอพร” ด้วยความที่พระองค์ทรงเป็นหมอที่รักษาคนไข้โดยไม่เลือกยากดีมีจน และวางองค์อยู่ในศีลธรรมมาโดยตลอด จึงมีเรื่องเล่ากันว่า ในคืนหนึ่ง มีชีปะขาวผู้หนึ่ง มาปรากฏตัวให้พระองค์เห็นที่พระตำหนัก และได้เอ่ยถามพระองค์ว่า “เมื่อพระองค์มาทำงานเป็นหมอแล้วนี้ พระองค์ปรารถนายาสำคัญอะไรบ้างหรือไม่”
พระองค์ทรงตอบว่า “ปรารถนา” ชีปะขาวจึงมอบสูตรยาให้พระองค์สูตรหนึ่ง เป็น “ยาอายุวัฒนะ” ซึ่งมีเครื่องยาที่สำคัญ 4 สิ่ง แต่ชีปะขาวผู้นั้นไม่ได้บอกชื่อสมุนไพรตรงๆ ได้แต่บอกใบ้เป็นปริศนาให้พระองค์ตีความ ดังนี้
1. ยกขึ้นกาบินหนี
2. แทรกแม่พระธรณี
3. หนีสงสาร
4. ไปนิพพานไม่รู้กลับ
หลังจากทรงขบคิดอยู่เป็นเวลานาน ก็ทรงตีความได้ว่า เครื่องยาปริศนาทั้ง 4 สิ่งนี้ก็คือ
1. โคกกระสุน
2. แห้วหมู
3. ขมิ้นอ้อย
4. ผักเสี้ยนผี
เครื่องยาทั้ง 4 สิ่งนี้ ให้ใช้หนักสิ่งละ 1 บาท นำมาตากแห้งแล้วบดให้เป็นผง จากนั้นให้ผสมกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดพุทราทาน ยาอายุวัฒนะสูตรนี้ก่อนที่จะนำมาใช้ พระองค์ได้ทรงทดลองเสวยด้วยตนเองก่อนจนแน่พระทัยว่าได้ผลดีจริง แล้วจึงทำขึ้นแจกจ่ายให้คนไข้อื่นๆ
นอกจากจะปรุงยาแจกจ่าย และรักษาคนไข้โดยไม่เรียกเก็บค่ารักษาแล้ว กรมหลวงชุมพรฯ หรือ “หมอพร” ยังทรงรวบรวมและบันทึกสูตรยาต่างๆ ไว้ในสมุดข่อยฝีพระหัตถ์อีกด้วย ทรงตั้งชื่อตำราเล่มนี้ว่า “พระคัมภีร์อติสาระวรรค โบราณะกรรม และปัจจุบันนะกรรม” ภายในพระคัมภีร์ จะมีเนื้อหาทั้งตำรายาแผนโบราณ กล่าวถึงการผสมยาแก้โรคต่างๆ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผลจริง มีการวาดภาพประกอบโดยมี “หม่อมเจ้าเริงจิตรแจรงอาภากร” พระธิดาในพระองค์ ร่วมวาดด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ คัมภีร์ยาสมุนไพรไทยตำรับหมอพร (กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์) “ธรรมนิตย์” เรียบเรียง
www.dharma-gateway.com






