- 03 มิ.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
เราท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินคำว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมุติเทพ ซึ่งทุกคนต่างก็ยอมรับโดยไม่มีข้อแม้ เพราะ เป็นเรื่องของการเทิดพระเกียรติยกย่อง ให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือปุถุชนธรรมดา และความเชื่อเช่นนี้ ก็ไม่เคยก่อให้เกิดปัญหาใดๆต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราชาวไทย ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และสามารถอธิบายได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่าเป็นสิ่งที่มีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป มิใช่สิ่งงมงาย ล้าหลัง และการสร้างองค์พระนารายณ์ประกอบพระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระบรมศพพระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เรามีความเชื่อที่ว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็น องค์สมมติเทพของพระนารายณ์ อวตารลงมาปราบทุกข์เข็ญในโลกมนุษย์ ตามความเชื่อโบราณ
สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบคืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียวโดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึง เรียกระบบการปกครองนี้ว่า“ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลาจึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้ คติเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทยว่าตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งคติความเชื่อดังกล่าวนี้ถือว่าพระมหากษัตริย์ก็คือร่างอวตารของเทพเจ้าที่ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อปกครองคนในชาติให้เกิดความสุขสงบความร่มเย็น โดยเทพเจ้าที่ว่านั้นก็เป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ในทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่เรียกกันว่าพระตรีมูรติ โดยแบ่งการปรากฏออกเป็น 3 มหาเทพ คือ พระพรหม พระศิวะ และพระนารายณ์
ความศักดิ์สิทธิ์จึงได้สะท้อนออกในเชิงสัญลักษณ์มากมายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อประกาศบันลือสีหนาทให้เป็นที่ล่วงรู้ไปทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ และในดินแดนอันไกลไปเบื้องหน้า ว่า “บุคคลผู้นี้ กำลังจะอุทิศพระองค์ เพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ ได้ทรงทิ้งซึ่งกายและใจที่มีอยู่เดิมไว้เบื้องหลัง ทรงก้าวสู่การครองราชย์(reign) ในท่ามกลางที่ชุมนุมเทวดา ทวยเทพ ภูตา มีพระเถระผู้ใหญ่ของแผ่นดิน เข้าทำพิธีกรรมดุจ พิธีพุทธาภิเษก มหาพราหมณ์หลวงประกอบมหาพิธีกรรม ๓ วัน ๓ คืน เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการนำดินศักดิ์สิทธิ์จากทั่วขอบขัณฑสีมา นำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากทะเลและแม่น้ำสายสายสำคัญทั่วราชอาณาจักร ไม้มงคล แร่ธาตุ มาร่วมในพิธี อันเป็นการบ่งบอกว่า ดินแดนแห่งนี้เป็นอาณาจักรของพระราชา พระองค์จะทรงรับเป็นพระราชภาระในการปกปักรักษาให้ยั่งยืนไปชั่วลูกชั่วหลาน และด้วยพระบรมราชสัญญาการปกครองแผ่นดินที่ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ภารกิจยิ่งใหญ่เช่นนี้ ผู้ที่จะเสียสละและแบกรับได้ มีเพียงพระมหากษัตริย์เท่านั้น เราจึงสามารถกล่าวยกย่องให้พระองค์เป็นดั่ง “สมมุติเทพ” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
การแสดงพระองค์เป็นพระนารายณ์ของพระมหากษัตริย์ของไทยนั้นเรามักจะสามารถพบเห็นกันได้บ่อยครั้ง ถ้าจะพูดไปแล้วการที่ศาสนสถานใดๆ ที่มีรูปนารายณ์ทรงครุฑสามารถบอกเป็นนัยๆ ได้ว่าเป็นศาสนสถานที่ได้รับการอุปถัมค้ำจุลจากองค์พระมหากษัตริย์ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากความเชื่อในลัทธิเทวราชา เรามีความเชื่อเรื่องพระมหากษัตริย์ทรงเป็นนารายณ์อวตารลงมาปราบทุกข์เข็ญในโลกมนุษย์ องค์นารายณ์นั้นมีพาหนะเป็นพญาครุฑสุบรรณ เป็นต้น
ส่วนสัญลักษณ์ครุฑนั้น ก็เป็นที่ทราบกันว่า ครุฑเป็นเทพพาหนะของพระนารายณ์ ดังนั้น พระมหากษัตริย์ที่ทรงครุฑก็คือ พระนารายณ์ แต่ในปัจจุบันนี้ที่เราพบเห็นกันโดยมาก พระมหากษัตริย์ของไทยจะทรงใช้สัญลักษณ์ของ “ครุฑ” ในการแสดงองค์เป็นพระนารายณ์เสียเป็นส่วนมาก รถพระที่นั่งของพระมหากษัตริย์ก็จะต้องมีธงทีมีรูปครุฑติดเอาไว้ ที่เราเรียกกันว่า “ธงมหาราช” ทั้งนี้ การใช้งานธงมหาราชยังนับว่าสอดรับกับคติดังกล่าวด้วย เช่น เมื่อใช้ชักขึ้นสู่ยอดเสาขณะพระมหากษัตริย์ประทับในพระบรมมหาราชวังหรือในพระราชฐาน ย่อมเสมือนหนึ่งว่าพญาครุฑอยู่สูงกว่าพระมหากษัตริย์อันทรงเปรียบเสมือนพระนารายณ์อวตาร เมื่อเชิญไว้ที่เสาธงด้านหน้าทางขวาของรถยนต์พระที่นั่ง หรือบนเสาเรือพระที่นั่งเมื่อเสด็จพระราชดำเนินย่อมประหนึ่งว่ามีครุฑทำหน้าที่เป็นเป็นพระราชพาหนะในการเสด็จพระราชดำเนิน
นอกจากนี้ ในรัชกาลปัจจุบันทางรัฐบาลก็ยังได้จัดสร้างเรือพระที่นั่ง “นารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9” หรือเรือที่มีโขนเรือเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑถวายอีกด้วย
ส่วนตำนานเรื่องพระนารายณ์กับครุฑมีอยู่ว่าเมื่อครั้งดึกดำบรรพ์พญาอนันตนาคราช ซึ่งปกติจะขดตัวเป็นพระแท่นบรรทมให้กับพระนารายณ์กลางเกษียรสมุทรสาคร ได้เอ่ยปากขอร้องพระนารายณ์ว่าให้ช่วยจัดการกับพญาครุฑที่ชอบมารบกวนจิกกินพวกนาคทำให้พวกนาคได้รับความเดือดร้อน ด้วยพญาอนันตนาคราชก็ได้เป็นพระแท่นบรรทมให้พระองค์มาเป็นเวลาช้านาน ก็เลยตกลงรับปากพญาอนันตนาคราช
พระนารายณ์และพญาครุฑ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีฝ่ายใดแพ้ชนะในการต่อสู้กันจนในที่สุดพระนารายณ์ประทานพรให้พญาครุฑเป็นอมตะ และทรงให้สัญญาว่าจะให้นั่งบนที่สูงกว่าพระองค์ ฝ่ายพญาครุฑก็ยอมอาสาเป็นพาหนะให้กับพระนารายณ์ เหตุนี้ พระนารายณ์จึงทรงครุฑและครุฑเองก็ได้อยู่ในธงที่งอนรถพระนารายณ์อันเป็นที่นั่งสูงกว่า
ที่มาจาก : เพจ ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย
https://th.wikipedia.org/wiki/เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ_รัชกาลที่_9
FB : ย้อนรอยประวัติศาสตร์ยุคใหม่ในสยาม






