เปิดตำนานความรักคงมั่น ของ "จอม ม.ร.ว. สดับ" ต่อ "รัชกาลที่5"...เจ้าของ “กำไลมาศ”กำไลทองคล้องใจ ที่ทรงใส่ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

เปิดตำนานความรักคงมั่น ของ "จอม ม.ร.ว. สดับ" ต่อ "รัชกาลที่5"...เจ้าของ “กำไลมาศ”กำไลทองคล้องใจ ที่ทรงใส่ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

"กำไลมาศ" วัตถุพยานแห่งความรัก จากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึง เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ธิดาในหม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์ ซึ่งเป็นพระโอรสใน กรมหมื่นภูมินทรภักดี พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กับหม่อมช้อย ลดาวัลย์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม นครานนท์ )

 

เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2449 หม่อมราชวงศ์สดับได้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันนี้ท่านได้รับพระราชทาน "กำไลมาศ" จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นกำไลทองคำแท้จากบางสะพาน หนักสี่บาท ทำเป็นรูปตาปูโบราณสองดอกไขว้กัน ปลายตาปูเป็นดอกเดียวกัน มีตัวอักษรซึ่งเป็นบทกลอนพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสลักไว้บริเวณด้านบนของกำไลว่า

กำไลมาศชาตินพคุณแท้      ไม่ปรวนแปรเป็นอื่นยั่งยืนสี

เหมือนใจตรงคงคำร่ำพาที   จะร้ายดีขอให้เห็นเช่นเสี่ยงทาย

ตาปูทองสองดอกตอกสลัก                 ตรึงความรักรัดไว้อย่าให้หาย

แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย เมื่อใดวายสวาสดิ์วอดจึงถอดเอย

 

เปิดตำนานความรักคงมั่น ของ "จอม ม.ร.ว. สดับ" ต่อ "รัชกาลที่5"...เจ้าของ “กำไลมาศ”กำไลทองคล้องใจ ที่ทรงใส่ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

 

คราวที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับได้บันทึกไว้ว่า "ในวันเฉลิมพระที่นั่งนี้ทรงพระมหากรุณาสวมกำไลทองรูปตาปูพระราชทานข้าพเจ้า ทรงสวมโดยไม่มีเครื่องมือ บีบด้วยพระหัตถ์ รุ่งขึ้นจึงต้องรับสั่งให้กรมหลวงสรรพศาสตร์พาช่างทองแกรเลิตฝรั่งชาติเยอรมันนำเครื่องมือมาบีบให้เรียบร้อย"

วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ท่านมีความสุขมากที่สุด และทั้งตลอดชีวิตของท่าน เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับมิได้ถอดออกจากข้อมือเลย จวบจนชีวิตท่านหาไม่แล้ว หม่อมหลวงพูนแสง สูตะบุตร ผู้เป็นหลานสาวจึงเป็นผู้ที่ถอดออกให้ และได้ถวาย "กำไลมาศ" แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในงานพระราชทานเพลิงศพของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับนั้นเอง

เปิดตำนานความรักคงมั่น ของ "จอม ม.ร.ว. สดับ" ต่อ "รัชกาลที่5"...เจ้าของ “กำไลมาศ”กำไลทองคล้องใจ ที่ทรงใส่ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สลับ ได้รับพระราชทานเครื่องยศ ประกอบด้วย หีบหมากทองคำลงยาราชาวดี พานทอง เป็นพานหมากมีเครื่องในทองคำกับกระโถนทองคำ และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายใน ชั้น ทุติยจุลจอมเกล้าฝ่ายใน ซึ่งเป็นเครื่องยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นพระสนมเอก ท่านจึงเป็น พระสนมเอก ท่านสุดท้ายในรัชกาล

ครั้นเมื่อท่านมีอายุได้ 20 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ท่านมีความทุกข์ และเศร้าโศกอย่างยิ่ง ท่านได้กล่าวไว้ว่า

 

"..ใจคิดจะเสียสละได้ทุกอย่าง จะอวัยวะหรือเลือดเนื้อ หรือชีวิตถ้าเสด็จกลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นใจที่คิดแน่วแน่ว่าตายแทนได้ไม่ใช่แค่พูดเพราะๆ ...คุณจอมเชื้อเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมาให้ข้าพเจ้า บอกว่าท่านได้ประทานไว้ซับพระบาท ข้าพเจ้าจึงเอาผ้าที่ซับพระบาทนั้นแล้วพันมวยผมไว้ แล้วก็นั่งร้องไห้กันต่อไปอีก..."

 

ครั้งสุดท้ายที่เจ้าจอมสดับได้มีโอกาสสนองพระเดชพระคุณคือ การเป็นต้นเสียงนางร้องไห้หน้าพระบรมศพ

 

 

บทเพลง นางร้องไห้ มีอยู่ทั้งหมด 5 บท ดังนี้

 

                                        1 พระร่มโพธิ์ทอง พระพุทธเจ้าข้าเอย

                                        พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย

                                        2 พระเสด็จไปสู่สวรรค์ชั้นใด ละข้าพระบาทยุคลไว้ พระพุทธเจ้าข้าเอย

                                        พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย

                                        3 พระยอดฟ้า พระสุเมรุทอง พระพุทธเจ้าข้าเอย

                                        พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย

                                        4 พระเสด็จผ่านพิภพแห่งใด ข้าพระบาทจะตามเสด็จไป พระพุทธเจ้าข้าเอย

                                        5 พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย

                                        พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย

 

เปิดตำนานความรักคงมั่น ของ "จอม ม.ร.ว. สดับ" ต่อ "รัชกาลที่5"...เจ้าของ “กำไลมาศ”กำไลทองคล้องใจ ที่ทรงใส่ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

             สำหรับ กำไลมาศ กำไลทองคล้องใจนี้ เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับได้สวมใส่ติดกายไว้ไม่เคยถอดนับตั้งแต่วันแรกที่ถูกคล้องลงบนข้อมือ จวบจนวันสุดท้ายของชีวิต เท่ากับว่า กำไลมาศนั้นอยู่บนข้อพระกรท่าน ถึง 77 ปี เมื่อท่านถึงแก่อนิจกรรมในวันที่ 3 มิถุนายน 2526 ขณะมีอายุได้ 93 ปี จากนั้นทายาทของท่านได้ถวายกำไลมาศพระราชทานคืนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลปัจจุบัน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เก็บรักษาไว้ ณ พระที่นั่งวิมานเมฆ

 

 

ที่มา : วิกิพีเดีย