- 15 ส.ค. 2560
รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th
น้อมรำลึก ๔ ปีวันละขันธ์ของคุณแม่จันดี โลหิตดี ผู้ที่วาระสุดท้าย หลวงปู่ลีกล่าวว่า"จิตเพิ้นสะอาดดีแล้ว บ่ต้องสรงน้ำให้เพิ้นก็ได้"
วันนี้วันที่ ๑๕ สิงหาคมเป็นวันคล้ายวันละขันธ์ครบ ๔ ปี ของคุณแม่จันดี โลหิตดี “อริยสาวิกาผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรมแห่งวัดป่าบ้านตาด” คุณแม่จันดี โลหิตดี เป็นที่รู้จักและเป็นที่เคารพศรัทธาจากลูกศิษย์ขององค์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านภาวนาตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาสทำนาไปก็ภาวนาไป ขนาดมีทางจงกรมอยู่ข้างเถียงนา คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ เคยไปเยี่ยมท่านที่นา เห็นทางจงกรมมีรอยเดินจนทางเป็นร่องเป็นมัน จนท่านได้พูดว่า “จันดีเจ้าอยู่ไหน ก็มีเครื่องหมายของพระพุทธเจ้าอยู่ทุกที่ มิน่าข้าวของเจ้าถึงได้มากกว่าผู้อื่น” ตลอดระยะเวลาประมาณ ๓๒ ปีแล้วนับจากปี พ.ศ.๒๕๒๔ ที่คุณแม่ท่านอยู่ปฏิบัติธรรมและอบรมสั่งสอนลูกศิษย์อยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ภายใต้ท่าทางที่ดูสงบ เรียบง่ายและความอบอุ่นที่เผื่อแผ่ออกมา ท่านมีความเด็ดเดี่ยว เด็ดขาดจริงจัง จนดูน่ากลัวสำหรับศิษย์ผู้อ่อนแอ ดวงตาของท่านเวลาสอนลูกศิษย์ต่อสู้กับศัตรู คือกิเลส ท่านจะดูอาจหาญ ขึงขัง เด็ดเดี่ยว จริงจังมาก ถ้าลูกศิษย์คนใดจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ท่านก็จะค่อยๆ ทะนุถนอม แต่ท่านจะเปรยๆ ว่า"กิเลสในใจของตัวเองก็ฆ่ามาแล้ว นี่ต้องได้มาเอาใจกิเลสของผู้อื่น โอ๊ย น่าอเนจอนาถ"
ประวัติและปฏิปทาคุณแม่จันดี โลหิตดี วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
คุณแม่จันดี โลหิตดี ท่านถือกำเนิดตรงกับวันพุธที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๓ ในครอบครัว พ่อแม่ และพี่น้องเดียวกันกับพระหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด มีพี่น้องซึ่งมีชีวิตอยู่ จนโตคือ พี่ชาย ๔ คน พี่สาว ๔ คน และ น้องสาว ๑ คน ท่านเป็นคนที่ ๙ ท่านเป็นน้องสาวคนเดียวที่สละบ้านเรือนออกปฏิบัติ ถือศีลภาวนา ที่วัดป่าบ้านตาด
คุณแม่จันดีเล่าว่า..ตอนเป็นเด็กเรียนอยู่ชั้นประถม จะมีความรู้แปลกๆ อยู่กลางอก ก่อนจะบ่งบอกอะไร ตรงกลางอกจะมีเหมือนพัดลมน้อย (หมุนติ้ว ๆ) แล้วส่งความรู้ออกมา ท่านบอก ถ้ามีอะไรบ่งบอกขึ้นในจิตท่านเคยคิดจะฝืน แต่ฝืนไม่ได้ มีอำนาจมาก(สะเทือนในจิต) ฝืนไม่ได้สักครั้งเดียว เป็นเด็กตั้งใจเรียน ช่างจำ เรียนเก่ง จนครูให้ช่วยสอนเพื่อน ๆ ในห้อง
อายุประมาณ ๑๐ กว่าขวบ ท่านได้ตามมารดาไปถวายจังหัน พระหลวงตา (พระพี่ชาย) หลังฉันจังหันพระหลวงตาสอนโยมมารดาวิธีปฏิบัติภาวนา ถึงเป็นเด็กแต่ก็ฟังรู้เรื่อง ในคืนนั้นท่านจำเอาวิธีการภาวนา และลองนั่งภาวนาท่านปฏิบัติตามที่พระหลวงตาบอกโยมมารดา ประมาณ ๓ นาที จิตสงบรวมลง เห็นร่างกายเน่าเปื่อยสลายกลายเป็นดิน พระหลวงตาได้ฟังโยมมารดาเล่าเรื่องที่ท่านภาวนากราบเรียน จบลง
พระหลวงตาถามว่า “จันดี ตัวน้อย ๆ ๆ นั่นหรือภาวนา”
มารดาตอบว่า “ใช่ จันดีนี้แหละ”
พระหลวงตาบอกกับแม่ท่านว่า..“เขามีของเก่าของเขา เขามีของเก่ามา”
ช่วงเวลาที่ครองเรือน มีบุตร ๔ คน ชาย ๑ คน หญิง ๓ คน โดยที่ยังตั้งใจภาวนาและถือศีลอย่างเคร่งครัด ยิ่งพระหลวงตามาตั้งวัดป่าบ้านตาดยิ่งได้กำลังใจปฏิบัติภาวนา ติดขัดอะไรก็กราบเรียนถามตอนท่านเข้ามารับบิณฑบาตในหมู่บ้าน วันพระท่านขอสามีให้ช่วยดูแลลูก คืนนั้นคุณแม่ก็นั่งภาวนาจิตก็สงบ ขณะจิตรวม เสียงลูกน้อยตื่นร้องจ้า แต่จิตยังไม่ถอน จึงไม่สามารถดูลูกน้อยในอู่ (เปล) ได้ ลูกน้อยร้องอยู่สักพัก สามีท่านคงเห็นผิดสังเกต จึงเข้ามาดู และอุ้มลูกน้อยออกไปจากห้องเอาน้ำหยอดปากให้ลูกน้อยได้กินก่อน..รอแม่
เช้าวันหนึ่ง พระหลวงตาไปรับบิณฑบาตในหมู่บ้าน ท่านได้ถาม “ภาวนา เป็นยังไง”
คุณแม่จันดีกราบเรียนว่า..“ฝันแปลกมาก ฝันว่าพระหลวงปู่มั่น ชวนให้ไปกับท่าน แต่ในฝันเป็นห่วงลูกคนเล็ก จึงขอไปดูลูกก่อน จะตามไปทีหลัง”
พระหลวงตาให้อุบาย“เอ้า ให้มึงคิดตัดสินใจเอา ถ้าห่วงลูก ก็ตามพระหลวงปู่มั่นไปไม่ได้”
คำพูดของพระหลวงตา ทำให้ต้องตั้งถามตัวเองว่า..“พระหลวงปู่มั่นมาโปรดแท้ ๆ คนแปลความฝันก็เป็นพระหลวงตา เราติดคาอะไร ห่วงอะไร-อาลัยอะไร” นั่นทำให้ท่านคิดและตัดสินใจได้เร็วขึ้น
ท่านจึงขออนุญาตสามีและลูกๆ ทุกคน เพื่อออกมาปฏิบัติ ถือศีลภาวนา อยู่วัดป่าบ้านตาด เมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๔ โดยอาศัยที่กระท่อมน้อยในป่าทึบ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเป็นเงาร่มครึ้ม พื้นเบื้องล่างเต็มไปด้วยต้นข้าว สารหนาแน่น
ในคืนวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๕ เวลา ๕ ทุ่มครึ่ง เป็นคืนที่ ฟ้าครึ้ม และลมพัดแรงมาก ท่านกราบพระแล้วนั่งภาวนาข้อธรรมได้ผุดขึ้นในจิตว่า..“อายตนะนั้นมีอยู่ แต่ไม่มีดิน-น้ำ-ไฟ-ลม ไม่มีจุติเคลื่อน ไม่มีที่ไป ไม่มีที่มา ไม่มีอารมณ์ ไม่มีอารมณ์ นั้นแหละคือที่สุดแห่งทุกข์” คืนนั้น ท่านกราบน้อมถึงคุณพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ถึงคุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ โดยเฉพาะพระหลวงตา ทั้งเป็นครูอาจารย์ เป็นพ่อ เป็นพี่ชายในสายโลหิตเดียวกันในชาติปัจจุบัน คืนนั้น ท่านไม่นอนทั้งคืน เมื่อพบพระหลวงตาอีกครั้ง จึงได้กราบเรียนท่านถึงสภาวะธรรมทั้งหมด ที่เกิดขึ้น พอกล่าวจบ พระหลวงตาพูดขึ้นว่า.. “ อ้าย(พี่) หมดห่วงแล้ว...”
คุณแม่จันดี โลหิตดี ละสังขารลง เมื่อเวลา ๐๑.๐๓ นาฬิกา ของวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะเส็ง ภายในกุฏิห้องปลอดเชื้อของท่านฝั่งอุบาสิกา ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี สิริอายุรวม ๘๒ ปี ๑๑ เดือน ๒ วัน คุณแม่จันดี ท่านได้แสดงธรรมความอัศจรรย์ให้เห็นอย่างประจักษ์ชัด กล่าวคือ ท่านสิ้นลมปราณเวลา ๐๐.๔๕ นาฬิกา การเต้นของหัวใจหยุดเวลา ๐๐.๔๘ นาฬิกา และคลื่นไฟฟ้าหัวใจหยุดเวลา ๐๑.๐๓ นาฬิกา หลวงปู่ลี กุสลธโร แห่งวัดภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ท่านได้กล่าวไว้ว่า "คุณแม่จันดีจิตเพิ้นสะอาดดีแล้ว บ่ต้องสรงน้ำให้เพิ้นก็ได้" และได้มีพิธีประชุมเพลิงสรีระสังขารฯไปในวันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา คุณแม่จันดี โลหิตดี "อริยสาวิกา น้องสาวขององค์หลวงตา ผู้เปรียบดั่งเป็นมารดา และครูอาจารย์ของศิษยานุศิษย์วัดป่าบ้านตาด ผู้คนไม่ได้แค่เคารพนับถือคุณแม่จันดี โลหิตดี ในฐานะผู้เป็นญาติทางสายโลหิตขององค์หลวงตามหาบัว เท่านั้น แต่ผู้คนต่างเคารพนับถือคุณแม่จันดี โลหิตดี ในอริยะปฏิปทาผู้เป็นญาติทางธรรมขององค์พระบรมศาสดา"
ชมภาพบรรยากาศงานประชุมเพลิงคุณแม่จันดี โลหิตดี “อริยสาวิกาผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม” ได้ที่ลิงค์
https://www.facebook.com/thindham/media_set?set=a.595855743798304.1073741875.100001216522700&type=3
ที่มา ข้อมูล และภาพประกอบจาก FB เพจท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐาน และเพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น