ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

             พระราชลัญจกรประจำรัชกาล เป็นตราประจำพระองค์ของพระมหากษัตริย์แต่ละรัชกาล ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเริ่มต้นรัชกาล เพื่อประทับกำกับพระปรมาภิไธย ในเอกสารสำคัญต่างๆ ของชาติ ที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน เช่น รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา และเอกสารสำคัญส่วนพระองค์ ที่ไม่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน พระราชลัญจกรนับเป็นเครื่องมงคลที่แสดงถึงอิสริยยศและพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ 

             ปรากฏหลักฐานว่าพระราชลัญจกรประจำรัชกาลมีใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วในเอกสารต่างประเทศ โดยมีการพิมพ์ภาพจำลองพระราชลัญจกรรูปเทวดา ๔ กร ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นพระราชลัญจกรพระนารายณ์ทรงครุฑ ประจำพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือ จดหมายเหตุลาลูแบร์ ซึ่งเขียนโดย ซิม เดอ ลา ลูแบร์ แต่เนื่องจากเอกสารสมัยกรุงศรีอยุธยาส่วนใหญ่สูญหายไปกับการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ทำให้ไม่อาจสืบทราบได้ชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์แต่ละรัชกาลใช้ตราอะไรเป็นพระราชลัญจกรประจำรัชกาล

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

(พระราชลัญจกรของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช)

                 พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๑ เป็นรูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ "อุ" แบบอักษรขอมอยู่กลาง ล้อมรอบด้วยกลีบบัวอันเป็น พฤกษชาติที่เป็นสิริมงคลในพุทธศาสนา ตราอุณาโลมมีรูปร่างคล้ายสังข์ทักษิณาวรรต (สังข์เวียนขวา) อยู่ในกรอบลายกนก เริ่มใช้คราวพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

 

 

              พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๒ เป็นรูปครุฑยุดนาค เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า "ฉิม" ตามความหมายของวรรณคดีไทย คือ พญาครุฑซึ่งในเทพนิยายเทวกำเนิด เป็นเทพองค์หนึ่งที่ทรงมหิทธานุภาพยิ่ง แต่ยอมเป็นเทพพาหนะสำหรับพระนารายณ์ ปกติอยู่ที่วิมานฉิมพลี ดังนั้นทรงพระกรุณาให้ใช้รูปครุฑยุดนาค เป็นพระราชสัญลักษณ์ประจำพระองค์ แทนพระบรมนามาภิไธย      

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

 

              พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๓ เป็นรูปปราสาท เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า "ทับ" หมายความว่า ที่อยู่ หรือเรือน ดังนั้นจึงทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ ให้สร้างรูปปราสาท เป็นพระราชสัญลักษณ์ประจำพระองค์ แทนพระบรมนามาภิไธย

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

หมายเหตุ : พระราชลัญจกรทั้ง ๓ องค์นี้เดิมเป็นเพียงพระราชสัญลักษณ์ที่ปรากฏในที่ต่างๆ เช่น เงินพดด้วง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระราชลัญจกรเหล่านี้ขึ้นเพื่ออุทิศถวายพระมหากษัตริย์ทั้งสามพระองค์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๕ ตราทั้งหมดเป็นตรากลม เส้นผ่าศูนย์กลาง ๗ เซนติเมตร

 

              พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๔ เรียกว่า พระราชลัญจกรพระมหามงกุฎ ลักษณะเป็นรูปกลมรี ลายกลางเป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎ อันเป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า "มงกุฎ" ซึ่งเป็นศิราภรณ์สำคัญของพระมหากษัตริย์ อยู่ในเครื่องเบญจราชกุธภัณฑ์ มีฉัตรบริวารตั้งขนาบข้างที่ริมขอบทั้งสองข้าง มีพานทองสองชั้นวางพระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรข้างหนึ่ง สมุดตำราข้างหนึ่ง รูปพระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรนี้มาจากฉายาเมื่อผนวชว่า "วชิรญาณ" ส่วนสมุดตำรามาจากเหตุที่ได้ทรงศึกษาเชี่ยวชาญในทางอักษรศาสตร์และดาราศาสตร์ องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลมรีรูปไข่แนวนอน กว้าง ๕.๕ เซนติเมตร ยาว ๖.๘ เซนติเมตร

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

 

              พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๕ เรียกว่า พระราชลัญจกรพระเกี้ยวยอด ลักษณะเป็นรูปพระจุลมงกุฎ (หรือพระเกี้ยว) เปล่งรัศมีประดิษฐ์บนพานแว่นฟ้า เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า "จุฬาลงกรณ์" ซึ่งแปลความหมายว่าเป็นศิราภรณ์ชนิดหนึ่งอย่างมงกุฎ มีฉัตรบริวารตั้งขนาบข้าง ที่ริมขอบทั้งสองข้างมีพานแว่นฟ้าและพระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรข้างหนึ่ง วางสมุดตำราข้างหนึ่ง พระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรและสมุดตำรานั้น เป็นการเจริญรอยจำลองพระราชลัญจกรประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมชนกนาถ องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลมรีรูปไข่แนวนอน กว้าง ๕.๕ เซนติเมตร ยาว ๖.๘ เซนติเมตร

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

 

 

               พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๖ เรียกว่า พระราชลัญจกรพระวชิระ เป็นรูปวชิราวุธ เปล่งรัศมีเป็นสายฟ้า ประดิษฐ์บนพานแว่นฟ้าตั้งอยู่เหนือตั่ง มีฉัตรกลีบบัวตั้งอยู่สองข้าง เป็นสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย "วชิราวุธ" ซึ่งหมายถึง สายฟ้าอันเป็นเทพศาสตราของพระอินทร์ องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลมรีรูปไข่แนวนอน กว้าง ๕.๕ เซนติเมตร ยาว ๖.๘ เซนติเมตร

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

             

               พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๗ เรียกว่า พระราชลัญจกรพระแสงศร ลักษณะเป็นรูปพระแสงศร ๓ องค์ คือ พระแสงศรพรหมาสตร์ พระแสงศรประลัยวาต พระแสงศรอัคนีวาต อันเป็นเทพอาวุธของพระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์ตามลำดับ เหนือราวพาดพระแสงเป็นดวงตรามหาจักรีบรมราชวงศ์ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ เบื้องซ้ายและเบื้องขวาของราวพาดพระแสงตั้งบังแทรก สอดแทรกด้วยลายกนกอยู่บนพื้นตอนบนของดวงตรา พระแสงศร ๓ องค์นี้ เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า "ประชาธิปกศักดิเดชน์" ซึ่งมาจากความหมายของศัพท์คำสุดท้ายของวรรคที่ว่า "เดชน์" แปลว่า ลูกศร องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรางากลมรีรูปไข่แนวนอน กว้าง ๕.๔ เซนติเมตร ยาว ๖.๗ เซนติเมตร

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

 


               พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๘ ลักษณะเป็นรูปพระโพธิสัตว์ประทับบนบัลลังก์ดอกบัว ห้อยพระบาทขวาเหนือบัวบาน (ซึ่งดัดแปลงจากพระราชลัญจกรโพธิสัตว์สวนดุสิตในรัชกาลที่ ๕) หมายถึงแผ่นดิน พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัวตูม และมีเรือนแก้วด้านหลังแทนรัศมี มีแท่นรองรับตั้งฉัตรบริวารทั้งสองข้าง เป็นพระราชสัญลักษณ์ของบรมนามาภิไธยว่า "อานันทมหิดล" ซึ่งแปลความว่า เป็นที่ยินดีของแผ่นดิน เพราะพระองค์ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย ด้วยความยินดีของอเนกนิกรชาวไทย ประหนึ่งพระโพธิสัตว์เสด็จมาประทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ทวยราษฎร์ทั้งมวล องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลม เส้นผ่าศูนย์กลาง ๗ เซนติเมตร

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

 

              พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๙ เป็นรูปพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ประกอบด้วยวงจักร กลางวงจักรมีอักขระเป็น "อุ" หรือ "เลข ๙" รอบวงจักรมีรัศมีเปล่งออกโดยรอบ เหนือจักรเป็นรูปเศวตฉัตร ๗ ชั้น ฉัตรตั้งอยู่บนพระที่นั่งอัฐทิศ แปลความหมายว่า มีพระบรมเดชานุภาพในแผ่นดิน โดยที่วันบรมราชาภิเษก ตามโบราณราชประเพณี ได้เสด็จประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศ สมาชิกรัฐสภาถวายน้ำอภิเษกจากทิศทั้ง ๘ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย ทรงรับน้ำอภิเษกจากสมาชิกรัฐสภา แทนที่จะรับจากราชบัณฑิตดั่งในรัชกาลก่อน องค์พระราชลัญจกรนี้เป็นตรากลมรีรูปไข่แนวตั้ง กว้าง ๕ เซนติเมตร สูง ๖.๗ เซนติเมตร

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

 

               พระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช องค์นี้ นอกจากจะใช้ประทับในเอกสารสำคัญส่วนพระองค์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับราชการแผ่นดินแล้ว ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตรานี้แก่สถาบันอุดมศึกษากลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ และ ทรงพระราชทานนาม "ราชภัฏ" แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งหมายถึง "คนของพระราชา"

ใต้ร่มฉัตรราชวงศ์จักรี!! เปิดความหมาย..."พระบรมนามาภิไธย" สู่ "พระราชลัญจกร" ประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ไทย สัญลักษณ์มงคลแห่งแผ่นดิน !!

              เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ใช้เป็นตราประจำมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งในเครือของตน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๑ และยังได้มีพระบรมราชานุญาตให้ใช้เป็นภาพประธานในตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ในรัขกาลของพระองค์ ได้แก่ พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี และงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ อีกด้วย

 

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/พระราชลัญจกรประจำรัชกาล

                                      Google Sites