ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

         คนไทยส่วนใหญ่ที่กราบไหว้พระเป็นเจ้าของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพระพิฆเนศวร หรือเทพเศียรช้างที่เราเห็นโดยทั่วไปนั้นเป็นเทพเจ้าองค์แรกๆ ที่คนไทยรู้จักและถือว่าคุ้นเคยกันมานานเพราะถือเป็นมหาเทพบรมครูหรือปฐมเทวะที่ต้องกราบไหว้เป็นพระองค์แรก

รับวัน “คเณศจตุรถี” วันประสูติ พระพิฆเนศ มหาเทพผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวง ย้อนเล่าตำนาน กำเนิดพระพิฆเนศ จากเหงื่อไคลของพระแม่ สู่ “เทวบุตร”

           วันสำคัญในการบูชาพระพิฆเนศ ที่ยึดถือกันมาช้านาน คือ วันแรม 4 ค่ำ เดือน 9 และวันแรม 4 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งเป็นวันกำเนิดของพระพิฆเนศ หรือที่เรียกว่า "วันจตุรถี"  ส่วนในประเทศไทย เทวาลัย หรือ เทวะสถานต่างๆ ได้จัดพิธีบูชาในวันที่ 23 สิงหาคม 2552 นี้ เช่นที่ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก สีลม) ,วัดวิษณุ ฮินดู ธรรมสภา ,วัดเทพมณเฑียร และ อีกหลายๆ ที่

                    ในวันคล้ายวันประสูติ คเณศจตุรถีนี้ ตามตำนาน เป็นวันที่องค์พระพิฆเณศจะเสด็จมาสู่โลกมนุษย์เพื่อ ประทานพรให้กับผู้ที่สักการบูชา

วันนี้ทางเราจึงนำประวัติพระพิฆเนศมาให้อ่านกัน ดังนี้ ...

                โดยตามตำนานที่ได้กล่าวไว้ว่าการพิธียัญญะครั้งหนึ่งนั้นพระศิวะเทพทรงบำเพ็ญสมาธิเป็นระยะเวลานาน พระอุมาทรงต้องประทับอยู่พระองค์เดี่ยวเลยเกิดความเหงา และ ประสงค์ที่จะมีผู้มาคอยดูแลพระองค์จึงทรงเสกเด็กขึ้นมาเพื่อเป็นพระโอรสที่จะเป็นเพื่อนในยามที่องค์มหาศิวะเทพไม่ได้ประทับอยู่บนเขาไกรลาส

รับวัน “คเณศจตุรถี” วันประสูติ พระพิฆเนศ มหาเทพผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวง ย้อนเล่าตำนาน กำเนิดพระพิฆเนศ จากเหงื่อไคลของพระแม่ สู่ “เทวบุตร”

              มีอยู่คราวหนึ่ง เมื่อพระแม่อุมาทรงเข้าไปสรงน้ำขณะนั้นองค์มหาศิวะเทพได้เสด็จกลับมาและกำลังจะเข้าไปภายในที่ประทับแต่กลับถูกเด็กหนุ่มห้ามพระองค์ไว้ไม่ให้เข้าไปด้านในได้ เพราะเด็กหนุ่มนั้นไม่ทราบว่าพระองค์คือใครและขณะเดียวกันองค์มหาศิวะเทพก็ไม่ทราบว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นพระโอรสที่พระพระแม่อุมาได้ทรงสร้างขึ้นมา องค์มหาศิวะเทพทรงพิโรธและตวาดให้เด็กหนุ่มนั้นหลีกทางไป โดยทรงตรัสถามว่ารู้ไหมว่ากำลังห้ามใครอยู่ ฝ่ายเด็กหนุ่มนั้นก็ตอบกลับว่าไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าเป็นใครเพราะตนกำลังทำตาม บัญชาของพระแม่อุมา  และทั้งสองก็ได้เข้าทำการต่อสู้กันพระศิวะทรงใช้ให้เหล่าอสูร ภูติพลาย ปีศาจร้ายและเหล่าสรรพสัตว์เข้าต่อสู้แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะเด็กน้อยนั้นได้

และในที่สุดเด็กหนุ่มนั้นก็ถูกตรีศูลของมหาเทพจนสิ้นใจ ศีรษะกระเด็นหายไปจนเทพทั่วทั้งสวรรค์เกิดความวิตกในความหายนะที่จะตามมาในขณะนั้นเองพระแม่อุมาเทวี เมื่อได้ยินเสียงดังกึกก้องไปทั่วจักรวาลก็เสด็จออกมาด้านนอกเพื่อทรงดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นและเมื่อเห็นร่างพระโอรสที่ปราศจากศีรษะก็ทรงมีความโศกาอาดูร และตัดพ้อองค์มหาศิวะเทพที่มีใจโหดเหี้ยมทำร้ายแม้กระทั่งเด็กได้ลงคอโดยเฉพาะเมื่อเด็กนั้นเป็นพระโอรสของพระนางเอง เมื่อได้ยินพระนางตัดพ้อต่อว่าองค์มหาเทพก็ทรงรู้สึกผิดแล้วจึงตรัสว่าจะชุบชีวิตให้พระโอรสนั้นกลับฟื้นขึ้นมาใหม่แต่ก็เกิดปัญหาเนื่องจากหาศีรษะไม่พบเช่นนั้นองค์พระศิวะจึงใช้ให้ นันทิ บริวารของพระองค์ออกไปหาศีรษะสิ่งที่มีชีวิตแรกที่พบมาปรากฏว่าได้ศีรษะช้างมาซึ่งพระศิวะทรงนำศีรษะช้างมาต่อให้และชุบชีวิตพระโอรสให้ใหม่ขนานนามว่า พระพิฆเนศวร ซึ่งแปลว่าเทพผู้ขจัดปัดเป่าอุปสรรคและยังทรงให้พรว่าในการประกอบ พิธีการต่างๆทั้งหมดนั้นจะต้องทำพิธีบูชาพระพิฆเนศวรก่อนเพื่อความสำเร็จของพิธีนั้น

รับวัน “คเณศจตุรถี” วันประสูติ พระพิฆเนศ มหาเทพผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวง ย้อนเล่าตำนาน กำเนิดพระพิฆเนศ จากเหงื่อไคลของพระแม่ สู่ “เทวบุตร”

                พระพิฆเนศวร ถือเป็นเทพเจ้าแห่งการขจัดปัดเป่าอุปสรรคทั้งปวง ความโดดเด่นขององค์พระพิฆเนศวรคือมีพระเศียรเป็นช้างแตกต่างจากมหาเทพพระองค์อื่นๆ พระองค์ได้รับการยกย่องเรื่องสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด รูปลักษณ์ขององค์พระพิฆเนศวร ส่วนใหญ่จะมี 4 พระกร โดยทรงถือ ศาสตราวุธ ต่างๆเช่น ขวาน บ่วงบาศ ขนมโมทกะ มุทราประทานพร และอื่นๆ  พระองค์ได้รับการยกย่องและรับหน้าที่เป็นผู้เขียนคัมภีร์มหาภารตะ โดยรับฟังจากวาจาของพระฤษีวยาส และได้รับการเคารพกราบไหว้ว่าเป็นเทพแห่งปัญญาและการรจนาหนังสือ ดุจเดียวกับ พระสุรัสวดี

หากต้องการขอความสำเร็จในสิ่งใดแล้วจะต้องขอพรจากพระองค์โดยการถวาย หญ้าแพรก ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบแดง ดอกทับทิม น้ำตาลมะพร้าวนมสด น้ำผึ้ง มะพร้าวอ่อน อ้อย กล้วย ผลไม้ตามฤดูกาล

บทสวดขององค์พระพิฆเนศวรที่นิยมใช้สวดบูชากัน คือ  "โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา"

 

 

 

อ้างอิง : หนังสือ  พระพิฆเนศวร มหาเทพแห่งความสำเร็จผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวงบทความโดย พราหมณ์ชาคริต