- 26 ส.ค. 2560
รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ www.tnews.co.th
๒๖ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๑๐ หรือวันนี้เมื่อ ๑๐๗ ปีที่แล้ว คือวันเกิดของบุคคลผู้หนึ่งที่เกิดมามีชีวิตเพื่อคนอื่นอย่างแท้จริง บุคคลผู้นั้นก็คือ "แม่ชีเทเรซา"
แม่ชีเทเรซา (หรือชื่อเดิมคือ "แอกเนส กอนจา โบยาจู") เกิดที่เมืองสโกเปียซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศมาซิโดเนียในปัจจุบัน ครอบครัวของเธอมีเชื้อสายแอลเบเนียซึ่งนับถือศาสนาคริสต์อย่างเคร่งครัด เธอจึงต้องเข้าโบสถ์ฟังเทศน์ตั้งแต่เด็ก จากนั้นมาเธอก็เริ่มปลูกฝังความศรัทธาและความปรารถนาที่จะเผยแผ่ความรักของพระเจ้าออกไปสู่เพื่อนมนุษย์ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากบนโลกใบนี้
ในวัย ๑๘ ปี เธอมีความคิดที่อยากจะบวช ตอนแรกคนในครอบครัวของเธอไม่เห็นด้วย แต่ก็ยินยอมในเวลาต่อมาเพราะเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้า ในที่สุดเธอจึงอำลาครอบครัวแล้วเดินทางไปยังกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ เพื่อบวชอยู่ในคณะแม่ชีแห่งโลเรโต โดยหลังจากร่ำเรียนและฝึกฝนวัตรปฏิบัติอยู่ได้ไม่กี่เดือน เธอก็ออกเดินทางไปที่ประเทศอินเดียเพื่อปฏิบัติศาสนกิจอย่างจริงจัง
จนกระทั่งในปี ๑๙๓๑ เธอได้เข้าพิธีปฏิญาณตนเป็นนักพรตหญิงที่อารามโลเรโตในเมืองดาร์จีลิง ประเทศอินเดีย โดยได้รับศาสนนามว่า "ภคินีเทเรซา" (ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากนามของนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู) ก่อนจะปฏิญาณตนตลอดชีวิตในปี ๑๙๓๗
[แม่ชีเทเรซา]
นับจากนั้น พันธกิจนานัปการอันเป็นไปเพื่อความสุขและความรอดพ้นทางจิตวิญญาณของเพื่อนมนุษย์ก็เริ่มต้นขึ้น โดยมีลำดับเหตุการณ์สำคัญดังนี้
- ค.ศ. ๑๙๔๖ ระหว่างที่แม่ชีเทเรซากำลังนั่งรถไฟกลับไปยังอารามในเมืองดาร์จีลิง ขณะนั้นเธอได้ยินพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งเนื้อหาที่พระองค์ตรัสกับเธอนั้นทำให้เธอตัดสินใจที่จะไปทำงานในย่านสลัมเพื่อช่วยเหลือคนยากจน โดยทำเรื่องขอไปยังพระสันตะปาปาจนได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ
- ค.ศ. ๑๙๔๘ แม่ชีเทเรซาได้รับอนุญาตให้ไปทำงานในย่านสลัมได้ แต่ก่อนไปก็จำเป็นจะต้องมีความรู้ในงานอย่างเพียงพอเสียก่อน เธอจึงเดินทางไปศึกษาวิชาพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองปัตนา รัฐพิหาร เมื่อจบการศึกษาแล้ว เธอก็ได้ก่อตั้งโรงเรียนกลางแจ้งในสลัม โดยมีเด็ก ๆ มาเรียนเป็นจำนวนมาก
- ค.ศ. ๑๙๕๐ ท่านอาร์ชบิชอปได้แต่งตั้งกลุ่มของแม่ชีเทเรซาให้เป็นคณะนักบวชหญิงแห่งคาทอลิกโดยมีชื่อว่า "คณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรม" (Missionaries of Charity) และผู้คนต่างก็ยกย่องเธอว่าเป็น "คุณแม่เทเรซา"
- ค.ศ. ๑๙๕๒ แม่ชีเทเรซาขอยืม "เทวสถานพระแม่กาลี" มาใช้สร้างเป็น "บ้านของผู้รอความตาย" (Home for the Dying) เพื่อให้ผู้หิวโหยหรือเป็นโรคร้ายรอความตายอยู่ข้างถนนได้มาใช้ชีวิตในวาระสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไปอย่างสงบ ถึงแม้ในช่วงแรกจะถูกชาวฮินดูคัดค้านเพราะสถานที่ดังกล่าวคือเทวสถานศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู แต่หลังจากที่ผู้บัญชาการตำรวจเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของแม่ชีเทเรซาและทำความเข้าใจกับชาวฮินดูแล้ว ประตู "บ้านของผู้รอความตาย" ก็ได้เปิดอ้ารับคนด้อยโอกาสโดยไม่เลือกเชื้อชาติศาสนา
[บ้านของผู้รอความตาย]
- ค.ศ. ๑๙๕๕ แม่ชีเทเรซาได้รับบริจาคบ้านหลังหนึ่งจากผู้มีจิตศรัทธาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เธอจึงตัดสินใจใช้บ้านหลังนี้สำหรับรับเลี้ยงเด็กกำพร้า โดยตั้งชื่อว่า "บ้านเด็กดวงใจบริสุทธิ์" (Children's Home of the Immaculate Heart)
- ค.ศ. ๑๙๕๗ สมัยนั้นสังคมอินเดียมองคนป่วยโรคเรื้อนว่าเป็นของน่ารังเกียจ ไม่กล้าเข้าใกล้ แม่ชีเทเรซาคิดว่า ลำพังความเจ็บปวดจากโรคร้ายก็ทำให้คนป่วยทนทุกข์ทรมานอยู่แล้ว ยิ่งถูกสังคมตั้งแง่รังเกียจก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมทางจิตใจ ทำให้คนป่วยเห็นว่าตัวเองไร้ค่า ดังนั้น เธอจึงริเริ่มการใช้รถพยาบาลเคลื่อนที่ตระเวนไปรักษาคนป่วยตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกชาวนา เคียงคู่ไปกับการรักษาโรคอื่น ๆ อีกด้วย
- ค.ศ. ๑๙๖๕ แม่ชีเทเรซาได้รับมอบที่ดินประมาณ ๘๗ ไร่ จากผู้ว่าการรัฐเบงกอลตะวันตก เพื่อใช้เป็นสถานสงเคราะห์ผู้ป่วยโรคเรื้อน แต่เนื่องจากไม่มีเงินทุนสำหรับสร้างอาคารเพื่อการรักษา เธอตัดสินใจจะขายรถยนต์เปิดประทุนที่พระสันตะปาปาเคยมอบให้ในราคาประมาณหนึ่งแสนรูปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับสร้างอาคารและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ในที่สุดเธอจึงคิดโครงการขายสลากโดยมีรถยนต์คันนั้นเป็นรางวัล ผลปรากฏว่าขายสลากได้เงินกว่าห้าแสนรูปี และนั่นจึงทำให้ "หมู่บ้านสันติสุข" (City of Peace) อันเป็นสถานสงเคราะห์และรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนกลายเป็นความจริง
บั้นปลายชีวิตในปี ๑๙๘๓ แม่ชีเทเรซาเริ่มป่วยเป็นโรคหัวใจ และอาการก็ค่อย ๆ กำเริบและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จวบจนกระทั่งปี ๑๙๙๗ เมื่อเห็นว่าอาการป่วยหนักถึงขนาดล้มหมอนนอนเสื่อจนไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ เธอจึงขอลาออกจากตำแหน่งในคณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรม (เธอพยายามขอลาออกหลังจากป่วยเป็นโรคหัวใจ แต่ก็ถูกคัดค้านมาแล้วหลายครั้ง) เพื่อพักรักษาตัวและต่อสู้กับโรคร้าย
ทว่าระยะเวลาที่แม่ชีเทเรซาตรากตรำทำงานเพื่อเพื่อนมนุษย์มาแทบจะทั้งชีวิตกับช่วงเวลาที่เธอจะได้พักผ่อนนั้นช่างต่างกันเหลือเกิน แม่ชีเทเรซาพักผ่อนได้ไม่นานก็ถึงแก่กรรมอย่างสงบในวันที่ ๕ กันยายน ๑๙๙๗ สิริอายุได้ ๘๗ ปี รัฐบาลอินเดียจัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ ท่ามกลางผู้คนนับแสนที่เข้าร่วมพิธีด้วยความอาลัย
ค.ศ. ๒๐๐๓ สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ ๒ ประกาศให้แม่ชีเทเรซาเป็น "บุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตตา"
ค.ศ. ๒๐๑๖ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประกาศให้เธอเป็น "นักบุญ"
จากเรื่องราวของแม่ชีเทเรซานี้ทำให้เราเห็นแล้วว่าเธอเป็น "นักบุญของคนเดินดิน" อย่างแท้จริง เธอเคยกล่าวไว้ว่า
"ฉันได้อธิบายแก่เหล่าซิสเตอร์เสมอว่า คนป่วยที่เธอกำลังรับใช้นั้นคือพระคริสต์ บาดแผลที่เธอทำความสะอาดนั้นคือบาดแผลของพระองค์ จงมองด้วยสายตาเหนือสิ่งที่มองเห็น ฟังให้ได้ยินถึงพระวจนะของพระองค์ที่ตรัสมานานแล้วและยังคงตรัสอยู่ว่า 'สิ่งต่าง ๆ ที่ท่านได้กระทำแก่ผู้เล็กน้อยเหล่านี้ ท่านได้กระทำแก่เราด้วย' "
ผู้หญิงในสังคมยุโรปที่เคยให้ค่ากับเครื่องสำอาง แฟชั่น ความสวยความงาม ความอบอุ่นของครอบครัว วันหนึ่งได้ตัดสินใจมาเป็นคนอาบน้ำให้กับคนข้างถนนในอินเดียที่ไม่มีใครให้ค่า ไม่มีแม้กระทั่งหมาเหลียวมาดู แม่ชีเทเรซาไปเก็บขยะมนุษย์ที่ถูกทอดทิ้งและกำลังจะตายด้วยโรคร้ายเน่าเฟะไปทั้งตัว... เก็บมาดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำ
แววตาของคนใกล้ตายและไร้ค่าเหล่านั้นอาจเป็นภาพที่ชวนพะอืดพะอมสำหรับใครหลายคน แต่เมื่อสายตาคู่นั้นมองกลับมายังแม่ชีเทเรซา สิ่งที่เธอเห็นก็คือ "พระผู้เป็นเจ้า" ในแววตาของคนใกล้ตาย!!
----------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง :
- https://en.wikipedia.org/wiki/Mother_Teresa
- www.newheartawaken.com/guru/15
- www.nobelprize.org/nobel_prizes/peace/laureates/1979/teresa-bio.html






