- 24 ต.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
๒๔ ตุลาคม น้อมรำลึก วันละสังขาร พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแดนเหนือ "หลวงปู่ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ" สิริอายุ อายุ ๑๐๑ ปี แห่งสำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ อ.เชียง ดาว จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมอย่างมาก ท่านละสังขารในท่านั่งสมาธิ ตามประวัติท่านเป็นครูบาผู้เฒ่าที่มากด้วยวิชาขมังเวทย์ เจ้าอาคมชาวไทยใหญ่ ปลีกตัว เร้นกายอยู่บนดอยสูงเพียงรูปเดียว "ครูบาออ" รูปนี้ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาจากประชาชนรัฐไทยใหญ่มาก
หลวงปู่ครูบาออ ปณฺฑิต๊ะ ท่านเกิดวันอังคาร เดือนสิบสองไตยใหญ่ตรงกับเดือนพฤศจิกายนของไทยเรา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๑ ปีขาล ที่หมู่บ้านน้ำหน่อ ตำบลปางซาง จังหวัดลายข่า ประเทศพม่า(รัฐฉานไทยใหญ่) บิดาเป็นกำนันชื่อนายจั่นตา มารดาชื่อนางเห็งแปรมีพี่น้องร่วมกันทั้งหมด ๑๐ คน หลวงปู่ครูบาออ เป็นคนที่ ๑๐ ของครอบครัว ปัจจุบันพี่น้องได้เสียชีวิตไปหมดแล้วคงเหลือแต่หลวงปู่ครูบาออท่านเดียวท่านยังมีหลานๆ อยู่ในตำบลเมืองนะหลายคน ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ ๗ ขวบจนถึงอายุได้ ๑๕ ปี
เกิดสงครามโลกครั้งที่๒ท่านได้ลาสิกขาไปเป็นทหารร่วมรบกับกองกำลังทหารไทยใหญ่ในฐานะผู้นำทัพ(เทียบเท่านายพลของไทย) พอปลดจากทหารแล้วท่านได้กลับมาอุปสมบทอีกครั้งโดยมีเจ้าปิ่นยา สังฆราชของไทยใหญ่บวชให้เมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๔๙๗ ท่านเคร่งครัดในวินัยการปฏิบัติของสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง ใช้ชีวิตสันโดษสมถะ เรียบง่ายและมีความมานะอดทนสูงที่บนสำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีชาวบ้านสักหลังคาเรือน แต่ท่านอยู่ได้ถือได้ว่าท่านเป็นพระเกจิสุปฏิปันโณที่น่าศรัทธาเลื่อมใสรูปหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าใครได้พบเห็นหลวงปู่ครูบาออจะมีความศรัทธาเลื่อมใสแทบจะในทันทีแล้วตรงเข้ามากราบไหว้ด้วยใจศรัทธาเลื่อมใสโดยปกติท่านจะมีเมตตาต่อญาติโยมทุกๆคนที่เข้าไปกราบไหว้หลวงปู่ครูบาออไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตามและใครก็ตามท่านจะมีเมตตาให้เสมอในด้านความเข้มขลังในวิทยาและอาคมกล่าวได้ว่าสุดยอดเลยทีเดียว หลวงปู่ครูบาออได้ร่ำเรียนจากตำราบ้างครูบาอาจารย์ของท่านจำนวน ๙ รูป ปัจจุบันยังคงเหลืออยู่ ๑ รูปอยู่ที่ประเทศพม่ารัฐฉานไทยใหญ่เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาอาคมและการปฏิบัติตน ในแบบฉบับวิปัสสนากรรมฐานสันโดษ ตอนที่เป็นทหารนั้นท่านก็ยังเป็นหมอรักษาผู้ป่วยด้วยวิชาอาคมจนหายนับไม่ถ้วนจนเป็นที่เล่าขานมาทุกวันนี้
นอกจากนี้มีบันทึกว่า "เจ้าฟ้าแสงเชียง" เจ้าแผ่นดินรัฐฉานหรือไทยใหญ่ เป็นผู้สักสังวาลเพชรบนศีรษะท่านตอนอายุ ๒๐ ปี เพราะโปรดที่ "นายออ" ตอนนั้นเป็นทหารกล้า นำพากองทัพไทยใหญ่รบชนะข้าศึก โดยไม่เสียกำลังพลแม้แต่คนเดียว จากคำบอกเล่าของท่าน "เจ้าปิ่นยา" พระสังฆราชไทยใหญ่ เป็นผู้บวชให้ เมื่อบวชแล้วท่านศึกษาอักขระ ตำราเลขยันต์ฉบับหอคำหลวง เจนจบพุทธาคม จนได้รับการวางตัว เป็นพระมหาเถระองค์ต่อไป
ท่านเรืองวิชาตั้งแต่เป็นสามเณร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ผู้ถูกเกณฑ์เป็นทหารไทยใหญ่ รบกับพม่า ทั้งกองร้อยรบไม่เคยแพ้ เพราะก่อนรบท่านทำน้ำมนต์และสักกระหม่อมให้เพื่อนทหารสู้กับศัตรู ปรากฏว่า ปืนทหารพม่ายิงมาไม่ออกบ้าง ออกแต่ไม่ถูกบ้าง ลูกระเบิดตกใกล้ๆ ไม่ระเบิดบ้าง แม้ตอนนี้เจ้ายอดศึก ผู้นำไทยใหญ่ ก็เคารพนับถือท่านอย่างที่สุด
ในรอบ ๑ ปีพลโทเจ้ายอดศึกผู้นำทหารไทยใหญ่รัฐฉานต้องมากราบไหว้และลงอักขระสำทับวิชาอาคมในตัวโดยอาราธนาหลวงปู่ครูบาออทำพิธีตามแบบไทยใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตเพิ่มความเข้มขลังขมังเวทย์อยู่ยงคงกระพันไว้ป้องกันภัยสารพัดในสนามรบที่ล้วนมีแต่อันตรายทุกนาที หลวงปู่ครูบาออได้มอบหมายให้ลูกศิษย์จัดสร้างวัตถุมงคลมาหลายชนิดทั้งที่บันทึกไว้และไม่ได้บันทึกไว้เมื่อสร้างแล้วลงอักขระวิชาอาคมทำพิธีตามแบบไทยใหญ่แล้วปลุกเสก หลังจากนั้นมอบให้ลูกศิษย์แจกจ่ายให้ทหารและชาวบ้านบ้างพ่อค้าแม่ค้าบ้างนำไปใช้จนเกิดผลสำเร็จทุกคน ปัจจุบันกลายเป็นวัตถุมงคลหายากไปแล้ว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ หลวงปู่ครูบาออ ได้นั่งสมาธิละสังขารด้วยอาการสงบ ด้วยวัย ๑๐๑ ปี ทางญาติได้นำร่างของครูบาไปตรวจที่โรงพยาบาลฝาง แล้วนำกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเด่นชัย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
ขอบคุณที่มาจาก : http://palungjit.org
http://www.prakrubaor.com






