น้อมบูชา ครบ ๖๕ ปี วันบรรลุธรรมแม่ชีแก้ว ศิษย์ผู้หญิงที่หลวงปู่มั่น  สั่งห้ามภาวนาเอง จนกว่าจะเจอครูบาอาจารย์มาช่วยชี้ทาง

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

น้อมบูชา ครบ ๖๕ ปี วันบรรลุธรรมแม่ชีแก้ว ศิษย์ผู้หญิงที่หลวงปู่มั่น  สั่งห้ามภาวนาเอง จนกว่าจะเจอครูบาอาจารย์มาช่วยชี้ทาง

น้อมบูชา ครบ ๖๕ ปี วันบรรลุธรรมแม่ชีแก้ว ศิษย์ผู้หญิงที่หลวงปู่มั่น  สั่งห้ามภาวนาเอง จนกว่าจะเจอครูบาอาจารย์มาช่วยชี้ทาง  
รำลึก ๖๕ ปี วันบรรลุธรรม สอุปาทิเสสนิพพาน คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ในช่วงเช้ามืดวันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๕ ขณะนั้นคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ท่านมีอายุ ๕๑ ปี เป็นเวลาที่คุณแม่ท่านเดินจงกรมตลอดคืนจนรู้สึกเหนื่อย จึงได้นั่งพักที่แคร่ใต้ต้นพะยอมแล้วเอนตัวลงนอน คิดว่าจะพักสักครู่แล้วจึงจะไปนึ่งข้าวถวายพระสงฆ์ ก็รู้สึกว่ามีเสียงครืนเหมือนฟ้าผ่าแคร่ที่นอนอยู่หักลง และมีเสียงผุดขึ้นมาเป็นคำกลอน พอจับใจความได้ว่า “สิ้นชาติแล้ว” คุณแม่น้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตันใจไม่มีประมาณ ประจักษ์แจ้งแก่ใจแล้วว่า เป็นชัยชนะเหนือวัฏฏะสงสาร ไม่ต้องกลับมาเกิดตายอีกเป็นอนันตกาล

น้อมบูชา ครบ ๖๕ ปี วันบรรลุธรรมแม่ชีแก้ว ศิษย์ผู้หญิงที่หลวงปู่มั่น  สั่งห้ามภาวนาเอง จนกว่าจะเจอครูบาอาจารย์มาช่วยชี้ทาง
นามเดิม ตาไป่ เสียงล้ำ กำเนิด วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๔๔ ตรงกับวันศุกร์ เดือน ๑๑ แรม ๑๒ ค่ำ ที่บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร (เดิม อ.มุกดาหาร จ.นครพนม) บิดาชื่อ ขุนธรรมรังสี (ซ้น เสียงล้ำ) มารดาชื่อ ด่อน เสียงล้ำ คุณแม่ชีแก้ว เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง ๕ คน มีพี่ชาย ๓ คน พี่สาว ๑ คน
ออกบวชชี ปี พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อกาเป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดหนองน่อง อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
ประมาณปี พ.ศ.๒๔๖๐ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตพร้อมคณะพระกรรมฐาน อันได้แก่ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่ฝั้น อาจาโร พร้อมด้วยภิกษุสามเณรจำนวนกว่า ๖๐ รูปได้เดินทางมาถึงบ้านห้วยทราย คุณแม่ชีแก้วได้กราบนมัสการหลวงปู่มั่นเป็นครั้งแรกที่บ้านห้วยทรายนี้ ในขณะนั้นคุณแม่ชีแก้วมีอายุ ๑๖ ปี ท่านเป็นคนขยันขันแข็ง อยากจะปลุกหม่อนเลี้ยงไหมจึงได้จับจองที่และถากถางป่าเตรียมจะปลูกหม่อน หลวงปู่มั่นได้เห็นพื้นที่บริเวณป่าที่คุณแม่ชีแก้วจับจองและได้ถากถางเพิ่งแล้วเสร็จ เห็นว่าเหมาะที่จะสร้างเป็นที่พำนักสงฆ์ จึงได้ขอที่ตรงนั้นจากคุณแม่ชีแก้ว ท่านก็ตกลงยกถวายหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นได้ให้พรเป็นคำกลอนมีใจความว่า “ชาตินี้คุณแม่จะไม่มีวันอดอยาก”วัดแห่งนี้ชาวบ้านเรียกว่า “วัดหนองน่อง” อยู่ห่างจากสำนักชีไปทางทิศใต้ ประมาณ ๑ กิโลเมตร ครอบครัวของคุณแม่ชีแก้วเป็นผู้อุปัฏฐากดูแลวัดหนองน่อง ท่านจึงได้ติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปทำบุญที่วัดเสมอ ๆ หลวงปู่มั่นได้ให้คุณแม่ชีแก้วรับไตรสรณคมน์ในปีแรกที่หลวงปู่มั่นได้มาอยู่ที่วัดหนองน่องนั่นเอง การรับไตรสรณคมน์ คือการน้อมใจระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย (พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์) และยึดถือเป็นหลักแห่งความประพฤติปฎิบัติ หรือเป็นเครื่องนำทางในการดำเนินชีวิต การภาวนานั้นหลวงปู่นั้นสอนให้กำหนดพุทโธ ธัมโม สังโฆพร้อมลมหายใจ หลวงปู่มั่นได้ถามคุณแม่ชีแก้วว่า คำไหนลงลึกที่สุด คุณแม่ตอบว่า พุทโธ ลงถึงท้อง หลวงปู่ว่าถ้าเช่นนั้นให้ภาวนาแต่คำว่า “พุทธโธ” คำเดียวก็พอ และบอกว่าให้ภาวนาในคืนวันนั้นเลย คุณแม่ก็รับปาก
ต่อมาหลวงปู่มั่นมีความประสงค์จะพาคณะพระสงฆ์เดินทางไปธุดงค์ถิ่นอื่นต่อ ๆ ไป ก่อนจากไปหลวงปู่มั่นได้ปรารภกับคุณแม่ชีแก้วว่า หากคุณแม่เป็นผู้ชายก็จะให้บวชเณรและติดตามไปด้วย แต่นี่คุณแม่เป็นผู้หญิงจะลำบาก และสั่งว่าให้หยุดภาวนา ตั้งแต่นี้ต่อไปให้ใช้กรรมไปตามประสาโลก เมื่อได้พบครูบาอาจารย์แล้วจึงค่อยภาวนา ซึ่งองค์หลวงปู่มั่น ได้พยากรณ์ด้วยอนาคตังสญาณแล้วว่าครูบาอาจารย์ของแม่แก้วนั่น คือ หลวงตามหาบัว นั่นเอง ซึ่งตอนนั้นองค์หลวงตาเป็นเพียงแค่เด็กอายุ ๔ ขวบ ส่วนแม่แก้ว อายุ ๑๖ ปี จึงถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
(หลวงตาพระมหาบัวได้สันนิษฐานว่าที่หลวงปู่มั่นให้คุณแม่ชีแก้วหยุดภาวนานั้นอาจเป็นเพราะคุณแม่ชีแก้วมีจิตที่โลดโผน ถ้ามีผู้แนะนำที่ดีก็จะไปได้ดีแต่ถ้าไม่มีผู้แนะนำอาจทำให้เสียคนได้)
ในปี พ.ศ.๒๔๙๓ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เดินทางธุดงค์นำพระสงฆ์สามเณร ได้แก่ หลวงปู่สิงห์ทอง หลวงปู่เพียร หลวงบุญเพ็ง หลวงปู่ลี สามเณรภูบาลฯ ไปจำพรรษาที่บ้านห้วยทราย ก่อนที่หลวงตาพระมหาบัวจะไปอยู่ที่วัดบ้านห้วยทรายนี้ ขณะที่คุณแม่ชีแก้วนั่งภาวนาได้เกิดนิมิตเห็นว่ามีเดือนตกลงมาที่วัดป่าบ้านห้วยทราย จากนั้นดวงดาวที่ล้อมรอบก็ตกลงมาด้วย คุณแม่ชีแก้วก็พยากรณ์ว่า จะมีครูบาอาจารย์องค์สำคัญและพระสงฆ์ไม่ต่ำกว่า ๑๐ รูปมาที่บ้านห้วยทราย ต่อมาไม่นานหลวงตาพระมหาบัวก็ได้เดินทางมาที่บ้านห้วยทรายจริง ๆ ดังนิมิตของท่าน ทำให้ท่านเกิดความปีติยินดีมาก เพราะจะได้พบพระอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาเป็นครูบาอาจารย์สั่งสอนท่านดังที่หลวงปู่มั่นได้บอกไว้ ในเวลานั้นนับได้ว่าเป็นมงคลกาลอีกสมัยหนึ่ง ของชาวบ้านห้วยทราย
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เล่าถึงคุณแม่ชีแก้ว ในหนังสือหยดน้ำบนใบบัว ว่า...
“พอวันพระหนึ่ง ๆ พวกเขาจะไป ไปพร้อมกันไปละ ไปทั้งวัดเขาเลยแหละ พวกแม่ชีขาวหลั่งไหลกันไป ขึ้นบนภูเขาหาเรา ตอนบ่าย ๔ โมงเย็นเขาก็ไป ตอนจวน ๖ โมงเย็นเขาก็กลับลงมา พอไปถึงแกก็เล่าให้ฟัง ขึ้นต้นก็น่าฟังเลยนะ พอแกขึ้นต้นก็น่าฟังทันที”
“นี่ก็ไม่ได้ภาวนา เพิ่งเริ่มมาภาวนานี่แหละ** ญาท่านมั่นไม่ให้ภาวนา” แกว่าอย่างนั้น “ท่านห้ามไม่ให้ภาวนา”
เราก็สะดุดใจกิ๊ก มันต้องมีอันหนึ่งแน่นอน ลงหลวงปู่มั่นห้ามไม่ให้ภาวนานี้ต้องมีอันหนึ่งแน่นอน จากนั้นแกก็เล่าภาวนาให้ฟังนี้ โถ ไม่ใช่เล่น ๆ พิสดารเกินคาดเกินหมาย เราก็จับได้เลยทันที “อ๋ออันนี้เองที่ท่านห้ามไม่ให้ภาวนา” พ.ศ.๒๔๙๔ เราไปจำพรรษาที่ห้วยทราย ในราวสัก ๒๔๙๕ ละมั้ง แกก็ผ่าน...” (บรรลุธรรม)
ในวันศุกร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตรงกับวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๕ ขณะนั้นคุณแม่ชีแก้วมีอายุ ๕๑ ปี เป็นเวลาที่คุณแม่ท่านเดินจงกรมตลอดคืนจนรู้สึกเหนื่อย จึงได้นั่งพักที่แคร่ใต้ต้นพะยอมแล้วเอนตัวลงนอน คิดว่าจะพักสักครู่แล้วจึงจะไปนึ่งข้าว ก็รู้สึกว่ามีเสียงครืนเหมือนฟ้าผ่าแคร่ที่นอนอยู่หักลง และมีเสียงผุดขึ้นมารเป็นคำกลอน พอจับใจความได้ว่า“สิ้นชาติแล้ว” คุณแม่น้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตันใจ
ในเรื่องนี้หลวงตาได้เคยกล่าวว่า “ผู้เฒ่าแม่แก้วอัฐิเป็นพระธาตุแล้ว ผู้เฒ่านี้ถ้าพูดตามหลักความจริง ก็ผ่าน (สิ้นกิเลส) มาหลายปีแล้วนี่นะ ถ้าจำไม่ผิดเราว่าตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๕ โน่น นานเท่าไร”

น้อมบูชา ครบ ๖๕ ปี วันบรรลุธรรมแม่ชีแก้ว ศิษย์ผู้หญิงที่หลวงปู่มั่น  สั่งห้ามภาวนาเอง จนกว่าจะเจอครูบาอาจารย์มาช่วยชี้ทาง
ในปี พ.ศ.๒๕๒๐ ขณะนั้นคุณแม่ชีแก้วมีอายุ ๗๖ ปี ท่านได้ล้มป่วยด้วยวัณโรค เบาหวาน และมะเร็งที่ปอด มีอาการรุนแรงมากถึงขั้นไอเป็นเลือด และอาเจียนเป็นเลือดครั้งละครึ่งกระโถน ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพร้อมมิตรกรุงเทพฯ มีคุณหมอเจริญและคุณหมอบุญเลี่ยม วัฒนสุชาติ เป็นผู้นำไปรักษาเป็นเวลาประมาณ ๑๐ กว่าวัน ในระหว่างนั้นมีพระอาจารย์หลายท่านมาเยี่ยม เช่น พระอาจารย์สิงห์ทอง พระอาจารย์สุวัจน์ พระอาจารย์ทุย เป็นต้น เมื่อคุณแม่มีอาการทุเลาลงก็ได้กลับไปรักษาต่อที่บ้านห้วยทราย โดยมีคุณหมอเพ็ญศรี มกรานนท์ เป็นผู้ดูแลอยู่เฝ้าปรนนิบัติดูแลรักษาคุณแม่ชีแก้วจวบจนวาระสุดท้ายของคุณแม่เป็นเวลาถึง ๑๔ ปี
ใน ปี พ.ศ.๒๕๓๔ ขณะนั้นคุณแม่ชีแก้วมีอายุได้ ๙๐ ปี ด้วยธาตุขันธ์ในวัยชราและอาการป่วยที่รุมเร้า ท่านป่วยหนักในช่วง ๓ ปีสุดท้าย และในที่สุดคุณแม่ชีแก้วก็จากไปด้วยอาการสงบ ในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๓๔ เวลา ๐๙.๒๕ น. ที่สำนักชีบ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร สิริรวมอายุได้ ๙๐ ปี ๕๔ ปีในเพศแม่ชี นับเป็นความสูญเสียบุคคลสำคัญของผู้ปฏิบัติธรรมในฝ่ายสาวิกาอย่างน่าเยดายยิ่ง
ที่มา FB : เพจท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฎฐาน