- 03 ม.ค. 2561
ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/
"สนธิญาณ" นำทัพ "ทีนิวส์" สักการะ "พระเจ้าตากฯ" ที่เมืองจันฯ ปลุกจิตวิญญาณยืนหยัดสู้ "คลื่นกวาดล้างสื่อ" ประกาศ "ไม่ชนะก็ตาย...มีแค่นี้"
"เรามาที่นี่ไม่ได้มาบนบานร้องขอให้ท่านช่วย แต่มาเพื่อสักการะท่าน ให้ท่านเป็นแรงบันดาลใจในการต่อสู้ขับเคลื่อนทีนิวส์"
เสียงของ "สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม" ประกาศอย่างมุ่งมั่นต่อหน้ารูปเคารพขององค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่วัดพลับ จันทบุรี และต่อหน้าผู้คนร่วมร้อยชีวิตที่ร่วมทำงานภายในชื่อ "สำนักข่าวทีนิวส์"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "สนธิญาณ" นำพา "ทีนิวส์" มาที่วัดพลับแห่งนี้ ในวันเวลาเดียวกัน 28 ธันวาคม หากเป็นเวลาที่ทอดห่างออกไป 1 ปี สนธิญาณและผู้บริหารทีนิวส์เคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว
ในห้วงเวลาแห่ง "คลื่นกวาดล้างสื่อ" เทคโนโลยี่ "นิว มีเดีย" อย่างเฟสบุคทำให้ "สื่อเก่า" อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ กระทั่งต้องล้มหายตายจาก การทยอยปิดตัวของนิตยสารชื่อดังหลายหัว การให้พนักงานสมัครใจลาออกของสื่อหนังสือพิมพ์ที่เคยยิ่งใหญ่ การปิดแผนกโรงพิมพ์ ยุติการดำเนินการของหนังสือพิมพ์ การทยอยเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ของทีวีช่องหนึ่ง ฯลฯ ที่ผ่านมาในปี 2017 อะไรเหล่านี้ว่ากันว่าเป็นเพียงหัวขบวนของคลื่น "สึนามิ" ระลอกแล้วระลอกเล่าที่กำลังตามมาในปีนี้
ที่ล้มตายก็มาก ที่ยังยืนอยู่ก็ใช่ว่าจะมั่นคง
"สภาพของวงการสื่อตอนนี้ เปรียบเทียบไปแล้วก็แทบไม่ต่างจากสยามก่อนที่จะเสียกรุงครั้งที่สอง ในแง่ของความระส่ำระสาย บ้านแตกสาแหรกขาด ผิดกันแต่ข้าศึกตอนนั้นคือพม่า แต่ข้าศึกในตอนนี้ก็คือ การเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยี่ ที่รุกคืบเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคสื่อที่หันไป "ตาม" และ "เล่น" กับข่าวสารใน "นิว มีเดีย" อย่างเฟสบุค หรือ ยูทูป มากกว่าการรับข่าวด้านเดียวจาก นสพ. นิตยสาร วิทยุ หรือ ทีวี ซึ่งเมื่อจำนวนคนที่ใช้ "นิว มีเดีย" เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โฆษณาก็ย่อยไหลไปทางนั้น สื่อเดิมก็อยู่ในสภาพที่รอวันตาย ช้าหรือเร็ว แล้วแต่กำลังของแต่ละค่าย" สนธิญาณ กล่าว
สนธิญาณ ไม่ได้พูดเรื่องนี้จากทฤษฏีแต่พูดจากความเจ็บปวดที่ตัวเองต้องพบเจอ เพราะภาระขาดทุนสะสมของ "ทีนิวส์" ในตอนนั้นเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น จนต้องยอม "เฉือนเนื้อตัวเอง" จากลดเงินเดือนผู้บริหาร จนถึงในที่สุดก็ต้อง "เลิกจ้าง" พนักงานบางส่วน แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น
จะด้วยฟ้าบันดาลหรือไม่ประการใด ในช่วงเวลานั้นเขาได้มาที่วัดพลับ จันทบุรี วัดพลับแห่งนี้ตามประวัติศาสตร์ก็คือแหล่งรวมไพร่พลของ "พระยาตาก" ก่อนจะยกกำลังจากจันทบุรี บุกมา "กู้เอกราช" เอาชนะพม่าที่ค่ายโพธิ์สามต้น
"ถ้าไม่มีท่าน คือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก็คงไม่มีเมืองไทยในวันนี้ ถ้าท่านไม่ถอยออกมาจากกรุงฯ เดินทัพมาถึงจันทบุรี ประกาศด้วยใจมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว "ทุบหม้อข้าว" บุกตีเมืองจันฯ ไม่ชนะก็ตาย มีแค่นี้เท่านั้น" นี่คือ แรงบันดาลใจที่ทำให้ "สนธิญาณ" ตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตของเขา
"ทีนิวส์ในวันนั้นก็เหมือนเรืออัปปางที่รอวันจม ต่างคนก็ต้องต่างแยกย้ายกันไป เพราะมันอยู่ไม่ได้แล้ว แต่เมื่อนึกถึงพระเจ้าตากฯท่านทุบหม้อข้าวตีเมืองจันฯ ผมก็คิดว่า "นิวมีเดีย" เท่านั้นคือทางรอด ผมตัดสินใจเด็ดขาด ยุติทีนิวส์ทีวี ยุติสำนักพิมพ์ ทุกคน ทุกฝ่ายหันมามุ่งทาง "นิว มีเดีย" อย่างเดียวเท่านั้น ถ้าไม่รอดก็ยอมตาย" สนธิญาณเล่าย้อนถึงการตัดสินใจในครั้งนั้น
ก่อนที่จะพาผู้บริหารทีนิวส์มาสักการะและขอกำลังใจจากดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่วัดพลับแห่งนี้ เป็นครั้งแรกในวันที่ 28 ธันวาคม 2559
หนึ่งปีที่ผ่านมาแทนที่ชื่อของทีนิวส์จะดับสูญไป กลับยังตั้งมั่นอยู่ได้ และมีที่ทางใน "นิวมีเดีย" ที่ชัดเจนแม้ว่าคนที่ชอบจะมีไม่น้อยไปกว่าคนที่ชัง
"นักเลงข่าว" อย่าง "สนธิญาณ" มองว่าสถานการณ์สื่อในปี 2561 ยังอยู่แบบ "ประมาทไม่ได้" "จริงๆพระพุทธเจ้าก็สอนให้เราไม่ประมาทกับเรื่องใดๆอยู่แล้ว" เขาบอก "ปีที่ผ่านมา เรายังอยู่ได้ เพราะทุกคนตั้งแต่พนักงานใหม่ถึงผู้บริหารร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมระดมกำลัง ความคิด สติปัญญา ให้องค์กรลุกขึ้นยืนได้ท่ามกลางกระแสล้มหายตายจากของสื่ออื่น แต่เรายังประมาทไม่ได้ คิดว่ามั่นคงแล้วก็ทำอะไรไปเรื่อยๆสบายๆไม่ได้ เพราะในโลกของ "นิว มีเดีย" มีความเปลี่ยนแปลงสูงและมีความผันผวนได้ตลอดเวลา ผมจึงตัดสินใจ ให้พนักงานทุกคนของทีนิวส์มาที่นี่ด้วยกัน พร้อมกันในวันนี้ ไม่ใช่แค่ผู้บริหารเหมือนปีที่แล้ว เพราะต้องการให้ทุกคนเห็นเหมือนกัน เข้าใจ เชื่อเหมือนกันกับผม กับคุณฉัตรชัย ภู่โคกหวาย และ คุณกิ่งการะเกด ชื่นฤทัยในธรรม กับผู้บริหารทุกคน ในการผลิตคอนเทนต์ที่เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพเพื่อให้ครอบคลุม "สื่อใหม่" ทั้งหมด อันเป็นทิศทางที่ทีนิวส์จะเดินไปในปีนี้"
ท่ามกลางร้อยกว่าชีวิตที่ร่วมเป็นสักขีพยาน "สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม" ประกาศชัดต่อหน้ารูปเคารพของ "พระเจ้าตากฯ" และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงณ.สถานที่แห่งนั้น
"ผมย้ำว่า ถ้าไม่มีพระองค์ท่านฯก็ไม่มีประเทศไทยในตอนนี้ เรามาที่นี่ไม่ใช่มาวิงวอนร้องขอให้ท่านช่วย แต่มาเพื่อซึมซับจิตวิญญาณการต่อสู้ กล้าหาญ มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวของพระองค์ท่าน ที่นำพาให้สยาม ให้ประเทศรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ เรามาเพื่อให้ท่านเป็นแรงบันดาลใจให้เรา ทีนิวส์ ได้มุ่งมั่นที่จะสู้ต่อไป ไปสู่ความสำเร็จจากการลงมือทำของพวกเราเอง"