- 19 ก.พ. 2561
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.partiharn.com
ความลึกล้ำในเวทย์วิทยาคมของพระเกจิอาจารย์ เมื่อครั้งงานทำบุญ ๑๐๐ ปี หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘ ทางวัดบางนมโค จัดพิธีมหาพุทธาภิเษกในงานทำบุญ ๑๐๐ ปีของหลวงพ่อปาน ซึ่งครั้งกระนั้นมีพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมมาร่วมพิธีปรกปลุกเสก ๔ องค์ด้วยกันคือ
หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ซึ่งท่านเป็นพระเถระจารย์ในศิษย์หลวงพ่อปาน ที่วัดบางนมโคต้องนิมนต์ท่านมาร่วมพิธีทุกครั้งเมื่อมีงาน
(หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย)
หลวงพ่อมีเข้าไปในโบสถ์วัดบางนมโค เป็นองค์ที่ ๓ ต่อจากหลวงพ่อเชิญและหลวงพ่อเมี้ยนและด้วยความที่หลวงพ่อมีเป็นพระอาจารย์ ที่มีอุปนิสัยนอบน้อมถ่อมตนเห็นว่าตนเองยัง มีอายุน้อย ท่านจึงเลือกธรรมาสน์ที่หันหน้าเข้าหาประธานตรงที่นาคนั่งขานนาคในเวลา อุปสมบท ขณะนั้นหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัวมาถึงพอดี ท่านจึงขึ้นนั่งบนธรรมาสน์ที่เหลือซึ่งตั้งอยู่หน้าพระประธาน อันเป็นที่นั่งพระอุปัชฌาย์จึงหันหน้าชนกับหลวงพ่อมีโดยมีประรำอิทธิมงคล ขึ้นอยู่ระหว่างกลาง เมื่อขึ้นธรรมาสน์ ท่านพูดออกมาว่า "วันนี้ขอลองวิชากับพระอยุธยาหน่อย"
พอพระภิกษุสงฆ์สวดพุทธาภิเษก หลวงพ่อมีก็เข้าสมาธิจิตปลุกเสก ฉับพลันนั้นท่านก็รู้สึกว่า มีสิ่งของตกลงมาธรรมาสน์ใกล้หน้าแข็งของท่านดัง "กึก"
หลวงพ่อมีนั่งเข้าสมาธิจิตเฉยเมยไม่ได้มีความสนใจไยดีต่อเสียงรอบข้างแต่อย่างใด สักครู่หนึ่ง ก็มีเสียงตกลงมาดังกึกบนธรรมาสน์ที่เดียวกันอีกครั้งและมีเสียงกุกๆกักๆพอได้ยิน หลวงพ่อมีทราบได้ในทันทีว่า ถูกลองของแน่แล้ว แต่ไม่มีอารมณ์หวั่นไหวยังคงนั่นหลับตาเฉย พร้อมกับเข้า เตโชกสิณ อธิษฐานจิตให้เห็นว่าสิ่งที่ตกลงมา ๒ ครั้งนั้นมันเป็นอะไรกันแน่
ด้วยทิพยอำนาจแห่งเตโชกสิณ สิ่งที่ปรากฏภายในดวงจิตของหลวงพ่อมีก็คือ ตะปูโลงผี ขนาด ๓ นิ้ว ๒ ตัว กำลังเคลื่อนไหวดุจมีชีวิตอยู่ไปมา หลวงพ่อมีจึงลืมตาก้มหน้าลงมามองดูด้วยตาเนื้อเพื่อให้รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาหลวงพ่อมีขณะนั้นตะปูจริงๆ และกำลังหันปลายแหลมตั้งชี้พุ่งขึ้นมาหาหลวงพ่อมีทั้ง ๒ ตัว พระเถระแห่งวัดมารวิชัย วางมือขวาลงไปใช้นิ้วชี้กดตะปู ๒ ตัว พร้อมกับว่าพระคาถาเป่าพรวดลงไปเบาๆตาปูโลงผีก็หมดฤทธิ์ ท่านจึงเก็บไว้ใต้ผ้าอาสนะแล้วเริ่มเข้าสมาธิจิตปลุกเสกอิทธิมหามงคลต่อไป
ทันใดนั้น ก็มีตะปูตกลงมาใกล้หน้าแข้งท่านอีกเป็นตัวที่ ๓ ตัวที่ ๔ และตัวที่ ๕ ซึ่งหลวงพ่อมีก็เก็บแล้วเขี่ยเข้าไปในอาสนะที่ท่านนั่งจนครบ ๕ ตัว อธิษฐานจิตเพื่อดูให้รู้แน่ว่าถูกพระอาจารย์ดีองค์ไหนในจำนวนทั้ง ๓ รูป คือ หลวงพ่อขอม หลวงพ่อเชิญ หลวงพ่อเมี้ยน ภาพของพระอาจารย์ที่แกล้งทดสอบวิทยาคมก็ผุดขึ้นจักขุทวารและมโนทวาร หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระอาจารย์ผู้เลิศล้ำแห่งจังหวัดสุพรรณบุรีนั่นเอง
หลวงพ่อมียังไม่แน่ใจว่าจะเป็นหลวงพ่อขอมหรือไม่ท่านจึงอธิษฐานนึกถึง ภาพหลวงพ่อเชิญและหลวงพ่อเมี้ยนตามลำดับ แต่ภาพนิมิตที่เกิดขึ้นภายในความคิดทุกครั้งกลับกลายเป็นภาพของหลวงพ่อขอม เช่นเดิม ต้องเป็นหลวงพ่อขอมแน่ๆ หลวงพ่อมีนึกคิด พอเสร็จพิธีพุทธาภิเษกจบที่ ๔ ผู้คนเข้าไปกราบสักการะหลวงพ่อขอมอย่างล้นหลาม เพราะท่านเป็นพระเกจิมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในขณะนั้น หลวงพ่อมีหยิบตะปูใส่พาน ๔ ตัว แล้วเก็บไว้ ๑ ตัว เพื่อเป็นที่ระลึก ๑ ตัว และเอาดอกไม้ธูปเทียนวางทับปิดบังตะปูไว้ เดินตรงรี่เข้าไปถวายหลวงพ่อขอม เป็นการแสดงความคารวะ
(หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว)
หลวงพ่อขอมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับเฉยๆเสียอย่างนั้น หลวงพ่อมีจึงพูดขึ้นว่า
"หลวงพ่อผมเอาดอกไม้ธูปเทียนมาถวาย"
หลวงพ่อขอมจึงรับประเคนจากหลวงพ่อมี อย่างขัดไม่ได้ ปกติท่านไม่ได้รับทั้งพานคงใช้มือรวบเอาเฉพาะธูปเทียนเท่านั้น ท่านจึงมองเห็นตะปูวางอยู่ในพาน
หลวงพ่อขอมจึงเอ่ยถามหลวงพ่อมีขึ้นว่า
"นั่นอะไร"
หลวงพ่อมี ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ แบบคนจริงว่า
"ตะปูของหลวงพ่อ ผมนำมาถวายคืน"
หลวงพ่อจึงรับพานไป แล้วพูดติดขำขันอย่างสบายอารมย์ เป็นการยอมรับหลวงพ่อมี แถมรู้ทันถามตรงๆขึ้นว่า
"แล้วตะปูอีกตัวหนึ่ง เก็บเข้าไว้ในย่ามทำไม"
หลวงพ่อมีตอบอย่างนอบน้อมว่า
"ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ"
นั่นแสดงถึงความลึกล้ำในเวทวิทยาคมขององค์พระเกจิอาจารย์สมัยนั้นว่าลึกล้ำเก่งกาจ มีอำนาจพลังทางจิตมากมายขนาดไหน
ขอบคุณข้อมูลจาก : อภินิหาร ตำนาน พระเกจิฯ