- 13 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 61 ที่ผ่านมา ได้มีประเด็นสุดร้อนแรงที่เป็นประเด็นหลักพาดหัวใหญ่ในศาสนาพุทธของชาวไทย รวมถึงชาวโลกเลยก็ว่าได้ เมื่อ วัดศรีชุม วัดชื่อดังของ จ.สุโขทัย ออกมายื่นฟ้อง กรมศิลปากรเป็นจำนวน 50 ล้านบาท เพราะ อ้างว่าวัดของตนเป็นเจ้าของ "พระอจนะ" ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยนักวิชาการณ์ชื่อดัง ที่ใช้ชื่อสมาชิกเฟสบุ๊คว่า Pat Hemasuk ได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว ว่า วัดศรีชุม ไม่มีสิทธิ์ ในมรดกโลกชิ้นนี้ ไว้อย่างละเอียดดังต่อไปนี้...
มีข่าวน่าเกลียดอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมไม่เขียนไม่ได้นั่นก็คือมีเจ้าอาวาสที่เป็นพระหนุ่มในนามของวัดศรีชุมฟ้องอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย สำนักศิลปากรที่ 6 และกรมศิลปากร เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาทโดยอ้างสิทธิ์การเป็นเจ้าของพระอจนะ วัดศรีชุม วัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยสุโขทัยที่อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรมานานตั้งแต่ปี 2518
ส่วนหนึ่งของคำฟ้องนั้นทางวัดได้อ้างสิทธิ์การเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1960 นับถอยหลังไปหกร้อยกว่าปี ซึ่งคนสุโขทัยเองก็ไม่เห็นด้วยกับวัดนี้หรอกครับ ถ้าจะดูไปแล้ววัดนี้มาสร้างที่หลังโดยใช้ชื่อเดิมที่มีมาแต่โบราณ โดยมีเอกสารสิทธิ์ สค.1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นที่ร้างแต่เดิมมา และวิหารพระอจนะนั้นก็ปล่อยทิ้งเอาไว้รกร้างจนองค์พระและวิหารหมดสภาพมานับร้อยปีตั้งแต่สุโขทัยกลายเป็นเมืองเกือบร้างในสมัยต้นกรุงศรีอยุธยา
เป็นการฟ้องที่ไม่สมเหตุผลในสายตาของผมเพราะ
ประการแรก วัดศรีชุมที่มีพระสงฆ์จำวัดในเวลานี้เป็นวัดใหม่ที่สร้างภายหลัง เป็นคนละวัดกับวัดศรีชุมเดิมที่สร้างในสมัยสุโขทัยของแท้ที่ร้างไปนานนับร้อยปีแล้ว
ประการที่สอง กรมศิลปากรได้เข้าไปบูรณะและให้อำนาจตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถานขึ้นทะเบียนในเขตเมืองเก่าสุโขทัยเป็นอุทยานประวัติศาสตร์และได้ทุนการบูรณะจาก ยูเนสโก หลังจากบูรณะเสร็จสิ้นแล้วทางอุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ดังนั้นพื้นที่ทั้งหมดคือสมบัติอันมีค่าทางประวัติศาสตร์ของคนทั้งโลก ไม่ใช่ของวัดที่สร้างใหม่มาเมื่อไม่นานนี้โดยใช้ชื่อเหมือนวัดเดิมที่มีมาแต่โบราณ
*****************************************************
ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงอำนาจของพระสงฆ์ในวัดหลวงให้อ่านกันครับ แล้วจะเข้าใจว่าพระสงฆ์นั้นไม่มีอำนาจอะไรเลยในเขตพุทธาวาสตั้งแต่ครั้งโบราณกาลแล้ว การที่พระสงฆ์อ้างสิทธิ์ในพื้นที่พุทธาวาสนั้นถ้าเป็นสมัยก่อนนั้นจะถือว่าบังอาจเพราะเขตนี้พระมหากษัตริย์ทรงสร้างถวายพระพุทธเจ้า คงต้องโดนสึกแล้วเอาหวายเฆี่ยนหลังแล้วเอาไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้างเป็นการลงโทษ
ในเขตวัดสมัยโบราณนั้นถ้าเป็นวัดหลวงจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส เขตธรณีสงฆ์ แยกออกจากกันขาดโดยจะมีการใช้งานดังนี้
เขตพุทธาวาสนั้นจะสร้างและดูแลโดยพระเจ้าแผ่นดิน เพื่อถวายแก่พระพุทธเจ้า จะบอกว่าป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าก็ได้(พุทธะ+อาวาส) โดยทุกที่จะสร้างเอาไว้ด้านหน้าสุดของที่ดิน และต้องใช้เงินทุนอุดหนุนจากพระมหากษัตริย์ในการดูแลมหาศาล พระสงฆ์ไม่มีปัญญาดูแลหรอกครับ และบางวัดที่เป็นวัดหลวงนั้นอาจจะมีเพียงเขตพุทธาวาสเท่านั้นโดยไม่มีพระสงฆ์จำวัดในบริเวณวัดก็มีมากมาย ตัวอย่างเช่นวัดพระศรีรัตนศาสดารามที่กรุงเทพ วัดวัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา เป็นต้น พื้นที่พุทธาวาสนี้จะประกอบด้วย พระอุโบสถ พระวิหาร เจดีย์ ระเบียงคต หอระฆัง ศาลาทิศ ศาลาราย หอเปลื้อง
เขตสังฆาวาสนั้นจะสร้างภายนอกเขตพุทธาวาส เป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ (สังฆ+อาวาส) เป็นที่อยู่หลับนอนของพระ จะมีกุฎิ หอฉัน ศาลาการเปรียญ หอไตร ห้องสงน้ำ เว็จกุฎี ฯลฯ ที่พระต้องใช้ประจำวัน เขตนี้บางวัดมักจะไม่ให้ผู้หญิงเข้า บางวัดที่เครงครัดมากถึงขนาดกำหนดว่าผู้ชายที่ยังไม่เคยบวชก็ห้ามเข้าเหมือนกัน
เขตธรณีสงฆ์ เป็นที่กันเอาไว้เป็นสวนป่า รวมถึงที่เป็นที่ให้คฤหัสถ์รอบวัดเข้ามาใช้งานในกิจกรรมต่างๆ ตามประเพณี รวมถึงเป็นพื้นที่ป่าช้าและที่เผาศพ
ถ้าจะดูไปแล้วโครงสร้างและการวางผังของวัดศรีชุมนั้นขอบเขตของพุทธาวาสเป็นสัดส่วนแน่นอน โดยมีวิหารพระพระอจนะ เป็นสิ่งก่อสร้างประธาน และไม่ปรากฎว่าที่สิ่งก่อสร้างอื่นในรัศมีที่เป็นสิ่งก่อสร้างถาวรว่าเป็นเขตสังฆวาส หรือแม้แต่พระอุโบสถที่พระสงฆ์ต้องใช้ในกิจของสงฆ์ที่มักจะอยู่ในเขตพุทธาวาสก็ไม่ปรากฎสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องเหลืออยู่บ้าง ซึ่งอาจจะสามารถคิดต่อไปได้ว่าอาจจะไม่มีเขตสังฆวาสมาตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัยก็เป็นไปได้
สมัยที่พระนเรศ(วร) ทรงใช้พื้นที่มาชุมนุมทัพที่วัดศรีชุมแห่งนี้ก่อนที่จะไปตีเมืองเชลียงก็ไม่ได้มีบันทึกกล่าวถึงพระสงฆ์ที่นี่ ซึ่งอาจจะเป็นวัดร้างไปนานแล้วก็ได้ ตำนานพระพูดได้ก็เกิดเอาเวลานี้แหละครับ รวมถึงต่อมาก็ใช้เป็นที่พระนเรศ(วร) ทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาที่วัดนี้ ก็ไม่มีก่ารกล่าวถึงพระสงฆ์ที่นี่
และหลักฐานในสมัยใหม่ก็มีเพียงมีวัดสร้างใหม่ได้ไม่นานโดยใช้ชื่อวัดศรีชุมเดิม สิ่งที่สามาถย้อนหลังไปได้ก็คงมีแต่ สค.1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ซึ่งใบแจ้งการครอบครองที่ดิน ส.ค. 1 นี้ไม่ถือเป็นเอกสารที่ราชการออกให้ เป็นแค่เอกสารที่ประชาชนทั่วไปมาแจ้งรัฐว่าได้ครอบครองที่ดินแปลงใดอยู่ เหมือนแจ้งความไว้เป็นหลักฐานลอย ๆ เท่านั้น
ขนาดวิกิพีเดียยังเขียนว่า "ในปัจจุบันทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ไม่ห่างจากตัวโบราณสถานนัก มีวัดสร้างใหม่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษา ใช้ชื่อว่าวัดศรีชุมเช่นเดียวกัน"
ดังนั้นผมจึงสามารถสรุปได้ว่าข่าวนี้เป็นข่าวน่าเกลียดน่าอายสำหรับคนสุโขทัยข่าวหนึ่งครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก - Pat Hemasuk