- 21 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ พันธุ์ไม้ชื่อแปลกนี้ มีที่มาจากการที่นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ได้เรียกชื่อผลไม้ชนิดดังกล่าว ให้สอดคล้องกับผลไม้ในวรรณคดีไทย เรื่องนางสิบสอง ตอน พระรถเมรี ที่ในเรื่องได้กล่าวถึงผลไม้สดชนิดหนึ่ง ซึ่งมีรสชาติเปรี้ยวจัด จนทำให้ผู้ที่กำลังง่วงนอน เมื่อรับประทานผลไม้ชนิดนี้เข้าไปแล้ว จะรู้สึกกระชุ่มกระชวยและตื่นตัวขึ้นมาทันที
ในปัจจุบันมีการเรียกชื่อ มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ เพียงสั้น ๆ ว่า มะม่วงหาว มะนาวโห่ รวมถึงผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ได้เริ่มหันมาสนใจผลไม้ชนิดนี้มากขึ้น เนื่องจากวงการแพทย์ได้ระบุว่า มะม่วงหาว มะนาวโห่ มีฤทธิ์ทางยา สามารถนำไปใช้รักษาโรค หรือรับประทานควบคู่กับยาแผนปัจจุบันได้เป็นอย่างดี แต่ยังมีหลายคนที่ไม่ทราบว่า แท้จริงแล้ว มะม่วงหาว กับ มะหนาวโห่ เป็นพืชคนละชนิดกัน โดย มะม่วงหาว คือ มะม่วงหิมพานต์ ขณะที่ มะนาวโห่ คือ หนามแดง
มะม่วงหิมพานต์ หรือ มะม่วงหาว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Anacardium occidentale) เป็นไม้ดอกยืนต้น ในวงศ์ Anacardiaceae กลุ่มเดียวกับมะม่วง (mango) และถั่วพิสตาชีโอ มะม่วงหิมพานต์เป็นพืชพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ซึ่งเรียกเป็นภาษาโปรตุเกสว่า "กาฌู" (caju - ผล) หรือ "กาฌูเอย์รู" (cajueiro - ต้น) ปัจจุบันเติบโตแพร่หลายทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เพื่อใช้ประโยชน์จากเมล็ด และผล นำเข้ามาปลูกครั้งแรกที่ภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๔ โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) เป็นพืชที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ประกอบด้วยโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันที่ส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว (เมื่อบริโภคเข้าไปจะไม่เพิ่มไขมันในเส้นเลือด) คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ, บี, อี และเกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก
มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ไม่ผลัดใบ ลำต้นมีความสูง ๑๐-๑๒ เมตร ต้นเตี้ย สยายกิ่งก้านไม่สม่ำเสมอ ใบจัดเรียงเป็นแบบเกลียว ผิวมันลื่น รูปโค้งจนถึงรูปไข่ ความยาว ๔-๒๒ เซนติเมตร และกว้าง ๒-๑๕ เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ส่วนดอกนั้นเกิดจาก ที่ยาวถึง ๒๖ เซนติเมตร แต่ละดอกตอนแรกมีสีเขียวซีด จากนั้นสีสดเป็นแดงจัด มี ๕ กลีบ ปลายแหลม เรียว ยาว ๗-๑๕ มิลลิเมตร ส่วนที่จะปรากฏไปเป็นผลของมะม่วงหิมพานต์นั้น ก็คือ ผลวิสามัญ (accessory fruit) รูปไข่หรือรูปลูกแพร์ ซึ่งจะเติบโตจากฐานดอกขึ้นมา ผลมะม่วงหิมพานต์นี้มีชื่อเรียกในแถบอเมริกากลางว่า "มารัญญอน" (marañón) เมื่อสุกจะมีสีเหลืองหรือส้มแดง มีความยาวประมาณ ๕-๑๑ เซนติเมตร
สรรพคุณ มะม่วงหาว
ผล : ฆ่าเชื้อ ขับปัสสาวะ พอกดับพิษ แก้โรคลักปิดลักเปิด
เมล็ด : แก้กลากเกลื้อน แก้เนื้อหนังชาในโรคเรื้อน แก้โรคผิวหนัง แก้ตาปลา แก้เนื้องอก บำรุงไขข้อ บำรุงกระดูก บำรุงเส้นเอ็น บำรุงกำลัง บำรุงผิวหนัง
เปลือก : แก้บิด ขับน้ำเหลืองเสีย แก้ท้องเสีย แก้กามโรค ทำยาอมรักษาแผลในปาก แก้ปวดฟัน พอกดับพิษ
ยอดอ่อน : รักษาริดสีดวงทวาร
ยาง : ทำลายตาปลา กัดทำลายเนื้อที่ด้านเป็นปุ่มโต แก้เลือดออกตามไรฟัน รักษาหูด รักษาขี้กลาก แผลเนื้องอก โรคเท้าช้าง
น้ำมัน : ฆ่าเชื้อ ทาถูนวดให้ร้อนแดง ยาชา รักษาโรคเรื้อน กัดหูด แก้ตาปลา แก้บาดแผลเน่าเปื่อย
หนามแดง หรือ มะนาวโห่ (ชื่ออวิทยาศาสตร์ Carissa carandas Linn.) เป็นพรรณไม้พุ่ม ขนาดใหญ่ ลำต้นมีความสูงประมาณ ๒-๓ ฟุต ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขา ทั่วลำต้นมีหนามแหลมยาวประมาณ ๒ นิ้ว ใบหนามแดง เป็นใบเดี่ยว ซึ่งจะออกตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ป้อม หรือรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมน ใบมีขนาดกว้างประมาณ ๑-๑.๕ นิ้ว ยาวประมาณ ๑.๕-๓ นิ้ว ริมขอบใบเรียบ ไม่หยัก พื้นผิวใบเกลี้ยงเรียบเป็นมัน ใต้ท้องใบมีเส้นใบมาก และเห็นได้ชัดมาก ดอกหนามแดง ออกเป็นช่อ ตามบริเวณปลายยอด ดอกมีสีขาว หรือสีชมพู กลิ่นหอม ลักษณะของดอกย่อย มีกลีบรองกลีบดอก ซึ่งมีโคนกลีบเชื่อมติดกัน ส่วนปลายกลีบแยกเป็นรูปหอก กลีบดอกมี ๕ กลีบ ยาวประมาณ ๑ ซม. ข้างในหลอดดอกมีเกสรตัวผู้ ๕ อัน และตัวเมีย ๑ อัน ผลหนามแดง มีลักษณะ เป็นรูปรี มีขนาดยาวประมาณ ๐.๕-๑ นิ้วผลอ่อนมีเป็นสีแดง แต่พอผลแก่เต็มที่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ ข้างในผลมีเมล็ดอยู่ ๔ เมล็ด
สรรพคุณ มะนาวโห่
เนื้อไม้ : ใช้เนื้อไม้ นำมาปรุงเป็นยาบำรุงธาตุ บำรุงไขมัน ในร่างกายให้แข็งแรง และเป็นยาแก้อ่อนเพลีย
ใบ : ใช้ใบสด นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ท้องร่วง แก้ปวดหู แก้ไข้ แก้เจ็บคอ และแก้เจ็บปาก
ผล : ใช้ทั้งผลสุก และผลดิบ กินเป็นยาแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน และเป็นยาฝาดสมาน
ราก : ใช้รากสด นำมาต้มเอาน้ำกิน เป็นยาขับพยาธิ บำรุงธาตุ เจริญอาหาร เป็นยาบำรุงกระเพาะอาหาร หรือใช้รากสดนำมาตำให้ละเอียด ผสมกับสุรา นำมาทาหรือพอกแก้คัน และใช้พอกบาดแผล
ขอบคุณข้อมูลจาก : ฐานข้อมูลพันธุ์ไม้ องค์กรสวนพฤกษาศาสตร์ medplant.mahidol.ac.th
https://www.samunpri.com