อิน จัน มั่น คง เรื่องจริงหรือไม่ !!เปิดตำนาน เสาหลักเมือง พิธีกรรมโบราณที่นำเอาคนมาฝังทั้งเป็น กับความเชื่อที่ต้องสังเวยด้วยชีวิต!! (คลิป)

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

อิน จัน มั่น คง เรื่องจริงหรือไม่ !!เปิดตำนาน เสาหลักเมือง พิธีกรรมโบราณที่นำเอาคนมาฝังทั้งเป็น กับความเชื่อที่ต้องสังเวยด้วยชีวิต!! (คลิป)

เสาหลักเมือง 

ประวัติความเป็นมา

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าให้กระทำพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 6.54 นาฬิกา การฝังเสาหลักเมืองมีพิธีรีตองตามพระตำราที่เรียกว่า พระราชพิธีนครฐาน ใช้ไม้ชัยพฤกษ์ทำเป็นเสาหลักเมือง ประกับด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์ที่มี เส้นผ่าศูนย์กลางวัดที่โคนเสา 29 เซนติเมตร สูง 187 นิ้ว กำหนดให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดิน 108 นิ้ว ฝังลงในดินลึก 79 นิ้ว มีเม็ดยอดรูปบัวตูม สวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ล้วงภายในไว้เป็นช่องสำหรับบรรจุดวงชะตาเมือง

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าให้ขุดเสาหลักเมืองเดิม และจัดสร้างเสาหลักเมืองขึ้นใหม่ทดแทนของเดิมที่ชำรุด เป็นแกนไม้สัก ประกับนอกด้วยไม้ชัยพฤกษ์ 6 แผ่น สูง 108 นิ้ว ฐานเป็นแท่นกว้าง 70 นิ้ว บรรจุดวงเมืองในยอดเสาทรงมัณฑ์ที่มีความสูงกว่า 5 เมตร และอัญเชิญหลักเมืองเดิม และหลักเมืองใหม่ ประดิษฐานในอาคารศาลหลักเมืองที่สร้างใหม่ มียอดปรางค์ ก่ออิฐฉาบปูนขาว ได้แบบอย่างจากศาลหลักเมืองกรุงศรีอยุธยา เมื่อปีพุทธศักราช 2395

ศาลหลักเมืองได้รับการปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้ง ในปี พ.ศ. 2523 มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ เพื่อเตรียมการเฉลิมฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ 200 ปี พ.ศ. 2525 ศาลหลักเมืองได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม ด้านทิศเหนือจัดสร้างซุ้มสำหรับประดิษฐานเทพารักษ์ทั้ง 5 คือเจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และพระกาฬไชยศรี มีการจัดละครรำ ละครชาตรี ให้ผู้ต้องการบูชา ว่าจ้างรำบูชาศาลหลักเมืองอยู่ด้านข้าง

 

อิน จัน มั่น คง เรื่องจริงหรือไม่ !!เปิดตำนาน เสาหลักเมือง พิธีกรรมโบราณที่นำเอาคนมาฝังทั้งเป็น กับความเชื่อที่ต้องสังเวยด้วยชีวิต!! (คลิป)

 

แนวคิดว่าด้วยศาลหลักเมือง

ปรากฏหลักฐานในหนังสือที่บันทึกโดยนักบวชชาวฝรั่งเศส ฌ็อง-บาติสต์ ปาลกัว (ฝรั่งเศส: Jean-Baptiste Pallegoix,ค.ศ. 1805-1862/พ.ศ. 2348-2405) หรือที่รู้จักในนามพระสังฆราชปัลเลอกัวซ์ ที่บันทึกในหนังสือเล่าเรื่องกรุงสยาม (Description du Royaume Thai ou Siam) อันเกี่ยวกับ "ศาลหลักเมือง" ดังข้อความที่ว่า 

"...มงซเญอร์  บรูกิแอรส์ (Monseigneur Brugiueres) ได้เล่าไว้ในจดหมายของท่านเกี่ยวกับประเพณีการถือโชคลาภของอนารยะอันมีอยู่ในประเทศสยามทุกครั้งเมื่อจะมีการสร้างประตูเมืองใหม่  ข้าพเจ้าเองก็เคยอ่านพบเหตุการณ์คล้าย ๆ นี้ในพงศาวดารสยามเหมือนกัน ข้าพเจ้าไม่ยื่นยันว่าจะเป็นความจริงดังที่เล่าลือกันนัก เขาว่ากันดังนี้  เมื่อสร้างประตูเมืองใหม่ในกำแพงพระนคร หรือแม้เพียงซ่อมขึ้นใหม่ ไม่ทราบว่าเขาใช้กำหนดกฎถือโชคถือลางข้อไหนที่ว่าต้องฆ่าคนที่บริสุทธิ์คือไม่มีความผิดเสียสามคน การกระทำอันป่าเถื่อนนั้นมีดังนี้ คือ หลังจากที่พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงปรึกษากับขุนนางผู้ใหญ่เป็นการลับแล้ว ก็ส่งราชบุรุษคนหนึ่งไปที่ประตูเมืองที่จะดำเนินการซ่อมแซมนั้น นาน ๆ ครั้งราชบุรุษนั้นจะทำทีตะโกนเรียกหาใครคนหนึ่งนั้นขึ้นมาดัง ๆ เขาออกชื่อประตูเมืองนั้นซ้ำซากหลายครั้งหลายหนปรากฏอยู่เนือง ๆ ว่าประชาชนที่ผ่านไปมา เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกทางเบื้องหลังก็มักจะเหลียวหน้ามาดู ทันใดนั้นราชบุรุษกับพวกก็จะเข้ารุมล้อมจับเอาคนที่เหลียวหน้ามาดูนั้นไปสามคน  อันเป็นที่แน่ว่าชะตาชีวิตของเขาถึงฆาตแล้ว ไม่มีการปฏิบัติใด ๆ สัญญาประการใด ๆ หรือการเสียสละใด ๆ ที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เขาขุดหลุมใหญ่ขึ้นในช่องประตูเมืองนั้น แล้วผูกเสาคานใหญ่ชักขึ้นไปเหนือหลุมนั้นในระดับสูงพอสมควร โยงไว้ด้วยเส้นเชือกสองเส้นหัวท้ายให้เสาหรือซุงนั้นแขวนอยู่ตามทาง นอนเหมือนอย่างลูกหีบ ฉะนั้น ครั้งถึงวันกำหนดที่จะกระทำการอันอรุณนี้ ก็เลี้ยงดูผู้เคราะห์ร้ายให้อิ่มหนำสำราญแล้วแห่แหนไปที่หลุมนั้น พระเจ้าแผ่นดินและข้าราชบริพารก็จะเสด็จและไปให้ความเคารพด้วย พระเจ้าแผ่นดินมีรับสั่งให้บุคคลทั้งสามนั้นเฝ้าประตูเมืองไว้ด้วย และให้เร่งแจ้งข่าวให้รู้เกลือกว่ามีอริราชศัตรูหรือผู้คิดกบฏจะยกเข้าโจมตีพระนคร ครั้นแล้วเขาก็ตัดเชือกปล่อยให้เสาหรือซุงหล่นลงมาบนศีรษะผู้เคราะห์ร้าย ผู้ตกเป็นเหยื่อของการถือโชคลางนั้น บี้แบนอยู่ในหลุม คนไทยเชื่อว่าผู้เคราะห์ร้าย ผู้ตกเป็นเหยื่อของการถือโชคลางนั้น จะกลายสภาพเป็นอารักษ์จำพวกที่เรียกกันว่า ผี  ราษฎรสามัญบางคนก็กระทำการฆาต

อิน จัน มั่น คง เรื่องจริงหรือไม่ !!เปิดตำนาน เสาหลักเมือง พิธีกรรมโบราณที่นำเอาคนมาฝังทั้งเป็น กับความเชื่อที่ต้องสังเวยด้วยชีวิต!! (คลิป)

 

"อินทร์ จันทร์ มั่น คง อยู่ ดี" พิธีตอกเสาเข็มในละคร "เจ้ากรรมนายเวร" เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เป็นคำถามที่ถูกพูดถึงกันมากในเวลานั้น 

ซึ่งหลังจากที่มีคำถามนี้เกิดให้คนไปสืบค้นดูแล้วพบว่า เรื่องอิน จัน มั่น คงเป็นเรื่องที่เล่าๆลือๆกันมาครับ ยังไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ในละครเจ้ากรรมนายเวรดำเนินเรื่องในช่วงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวต่างประเทศเข้ามาติดต่อค้าขายจำนวนมาห และพบหลักฐานร่วมสมัยจำนวนมากที่บันทึกเหตุการณ์ในสมัยนั้น แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ระบุว่ามีการทำพิธีตอกเสาเข็มในสมัยสมเด็จพระนารายณ์เลย จึงคิดว่าในสมัยสมเด็จพระนารายณ์คงไม่มีพิธีนี้แล้ว

แต่สมัยก่อนหน้านั้นมีบันทึกการทำพิธีตอกเสาเข็มในไทย ปรากฎในเอกสารเรื่อง "Description ofthe Kingdom of Siam" ซึ่งเขียนใน ค.ศ.๑๖๓๘ (พ.ศ.๒๑๘๑) ของเยเรเมียส ฟาน ฟลีต (Jeremias Van Vliet) หัวหน้าสถานีการค้าของบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ (Vereenigde Oost-Indische Compagnie; VOC) ประจำกรุงศรีอยุทธยาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระราชบิดาของสมเด็จพระนารายณ์ 

ฟาน ฟลีตใช้ชีวิตอยู่ในกรุงศรีอยุทธยา ๙ ปี ได้บันทึกประวัติศาสตร์ช่วงนั้นไว้มากทั้งพระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระราชพงศาวดาร สภาพการเมืองการปกครองและอื่นๆ อีกมาก ซึ่งฟาน ฟลีตได้ระบุว่าเคยมีพิธีตอกเสาเข็มเกิดขึ้นใน พ.ศ.๒๑๗๗ รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองครับ


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ

"...พระเจ้าแผ่นดินทรงเห็นชีวิตไพร่ฟ้าด้อยค่านัก เพราะเมื่อจะทรงสร้างพระราชวัง หอคอย (น่าจะเป็นพระเจดีย์หรือพระปรางค์ - ศรีสรรเพชญ์) หรือพระตำหนักใดๆก็ตาม ภายใต้เสาเข็มที่จะถูกปักลงในพื้นดินจะจับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ใส่ลงไป หากยิ่งท้องแก่ใกล้จะคลอดก็ยิ่งดี ด้วยเหตุนี้จึงนำมาสู่ความโศกสลดในกรุงศรีอยุทธยาอยู่บ่อยครั้งเมื่อมีการซ่อมสร้างพระราชวังหรือหอคอย เพราะบ้านทุกหลังในสยามจะตั้งอยู่เหนือพื้นดินโดยมีเสาไม้หลักปักอยู่ สตรีจำนวนมากต้องทนทุกข์ต่อความทรมานนี้ แม้ว่าเรื่องที่บรรยายมานี้จะดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่การประหารเหล่านี้ก็ได้เคยทำจริงๆ

ผู้คนที่แสนจะงมงายเหล่านี้ เชื่อว่าเมื่อสตรีเหล่านี้ตายไปแล้วจะกลายเป็นภูติผีปิศาจ ที่คอยพิทักษ์เสาที่ตนถูกโยนลงไปข้างใต้รวมไปถึงตัวอาคารทั้งหมดจากความโชคร้าย บ่อยครั้งพระเจ้าแผ่นดินจึงทรงมักให้ข้าทาสไม่กี่คนไปจับกุมสตรีที่กำลังตั้งครรภ์อย่างไม่ใส่พระทัย แต่จะเว้นไม่จับกุมสตรีที่อยู่ในเรือนนอกจากหาใครไม่เจอบนถนนแล้ว สตรีเหล่านี้ถูกนำตัวมาเข้าเฝ้าพระมเหสี ซึ่งจะทรงดูแลพวกนางราวกับพวกนางจะมีพระประสูติกาลให้พระเจ้าแผ่นดินก็ว่าได้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน พวกนาง (ขออภัยสำหรับคำพูดหยาบคาย) จะถูกโยนลงหลุมโดยให้หงายท้องขึ้น แล้วเสาเข็มจะตอกบนครรภ์จนทะลุไป

ทั่วกรุงศรีอยุทธยามีแม่น้ำไหลผ่านแปดสาย บริเวณที่แม่น้ำไหลผ่านเข้าออกพระนครจะมีการสร้างประตูที่มีเสาสูงสองเสาสูงประมาณแปดฟาทอม (๔๘ ฟุต) และหนาหนึ่งฟาทอม (๖ ฟุต) เสานี้เชื่อมกันด้านบนด้วยเสาแนวขวางสองเสา ช่องว่างระหว่างเสามีการตกแต่งประดับด้วยไม้

เมื่อรวมประตูไชย (ประตูทางใต้ของกาะเมืองอยุธยา-ศรีสรรเพชญ์) หรือประตูแห่งหัวใจ (เป็นทางเข้าพระราชวัง) จะมีประตูพระนครทั้งหมด ๑๗ ประตู เมื่อต้นปี ๑๖๓๔ พระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบันโปรดให้สร้างประตูใหม่ทั้งหมด ประตูเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นประตูวัด วิหาร บ้านเรือน หรือพระราชวัง (ไม่ว่าจะน่าเกลียดหรือไม่สำคัญก็) ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในสยาม พระองค์จึงมีพระราชโองการให้โยนสตรีที่กำลังตั้งครรภ์สองคนลงไปใต้เสาเข็มแต่ละเสา ทั้งหมดต้องใช้สตรี ๖๘ คนสำหรับ ๑๗ ประตู เพื่อการณ์นี้สตรีบางคนจึงถูกนำตัวเข้าพระราชวัง แต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นในทั้งสองวันที่ผู้หญิงห้าคนถูกจับมาได้คลอดบุตรในเวลาเดียวกับที่ถูกพาตัวเข้ามาในพระราชวัง นี่ทำให้เกิดความหดหู่ขึ้นในราชสำนักและเชื่อกันว่าเป็นปาฏิหาริย์

ออกญาจักรี (ผู้ซึ่งในปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นออกญาสุโขทัย และเป็นผู้ที่มั่นใจในตนเองสูง) กล้าพอที่จะกราบทูลพระเจ้าแผ่นดินว่า พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดในบรรดาเทพยดาแห่งองค์พระพุทธเจ้าอยู่หัวไม่ทรงโปรดให้โยนสตรีลงหลุมใต้เสาเข็ม แต่เพื่อที่จะประนีประนอมกับปิศาจ (ซึ่งชาวสยามเชื่อว่าสิงสถิตอยู่ในประตูเหล่านี้) ออกญาจักรีจึงทูลเสนอพระเจ้าแผ่นดินให้ทำพิธีแค่ที่ประตูไชยเท่านั้น พระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบและมีพระราชโองการให้เหลือสตรีไว้แค่สี่นางเท่านั้น

สตรีคนอื่นๆ (ทั้งคนที่คลอดบุตรไปแล้วและยังไม่คลอด) ถูกจับโกนศีรษะ แล้วถูกฟันสองแผลบนศีรษะ ได้รับแจ้งว่าเทพยดาทรงประทานชีวิตพวกนางไว้ในพระหัตถ์พระเจ้าแผ่นดินและพวกนางสมควรตาย แต่พระเจ้าแผ่นดินทรงไว้ซึ่งพระเมตตากรุณามากกว่าเทพยดา พวกนางทุกคนจึงสามารถกลับบ้านได้ ยกเว้นหญิงอีกสี่คนที่ได้กล่าวไปแล้วที่ถูกโยนลงหลุมใต้เสาเข็มประตูไชย" 

อ่านดูแล้วจากเนื้อหาสันนิษฐานว่าออกญาจักรีคงจะพยายามช่วยชีวิตผู้หญิงเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด


เรื่องนี้อาจจะดูเกินจริงไปบ้าง แต่ก็มีความใกล้เคียงกับเรื่องที่เล่าขานเกี่ยวกับการตอกเสาเข็มของไทยอยู่หลายอย่าง เช่นบางที่บอกว่าการตอกเสาเข็มมักใช้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์เพราะเมื่อตอกเสาเข็มแล้วก็จะได้วิญญาณถึง ๒ ดวง บางที่ก็เรียกว่าเป็นหญิงตั้งครรภ์ว่าพวก "สี่หูสี่ตา"

เครคติ  ศรีสรรเพชญ์

ขอบคุณบทความและภาพ จาก https://th.wikipedia.org https://pantip.com

ขอบคุณคลิปวีดีโอ จาก ละครเจ้ากรรมนายเวร ช่อง 3