- 17 ก.ค. 2561
เรื่องลี้ลับที่ถูกถ่ายทอด จากหนึ่งในทีมค้นหาสำรวจปล่องถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน เกี่ยวกับกลุ่มควันประหลาด ที่อยู่ภายในถ้ำ
จากกรณีที่มีเด็กนักกีฬานักฟุตบอลและโค้ช รวม 13 ชีวิต ได้สูยหายเข้าไปในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา (23 มิถุนายน 2561) และไม่กลับออกมาอีกเลย ในขณะนี้หน่วยซีลและเจ้าหน้าที่ ได้พบเด็กๆและโค้ชทั้ง 13 ชีวิต และทุกคนปลอดภัยดี โดยจุดที่พบอยู่ห่างจากพัทยาบีช 400 เมตร
ทั้งนี้ทาง เจ้าหน้าที่และหน่วยซีลได้ช่วยเหลือทีมหมูป่า ออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด 13 คน นำส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ท่ามกลางการให้กำลังใจของคนไทยทั้งประเทศ ที่เฝ้าติดตามชมข่าวสาร
ล่าสุดผู้ใช้เฟสบุ๊ค Folk Kamponsak Sassadee ซึ่งเป็นเฟสบุ๊คส่วนตัวของหนึ่งในทีมค้นหาปล่องถ้ำ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ได้เจอเรื่องแปลกสุดลี้ลับที่ได้พบเจอขณะปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ 13 หมูป่าติดในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนโดยโพสต์ภาพและข้อความ โดยระบุข้อความว่า
ควันประหลาดที่ล่องลอยแบบมีเป้าหมาย .....
จากภารกิจในวันสุดท้ายของการสำรวจปล่อง ซึ่งในวันนั้นได้มีการค้นพบปล่องที่มีความลึกเกิน 30 ม. จำนวน 3 ปล่อง ในบริเวณหลังศูนย์บำบัดดอยผาหมี ขณะปฎบัติงานจนถึงพื้นที่กลางถ้ำของปล่องหมายเลข 2 ก็ได้พบกับสิ่งที่น่าแปลกใจและอยากจะสัมผัสเพื่อพิสูจน์บางอย่าง
เริ่มจากที่ปากทางเข้าถ้ำน้ำมีความแคบมาก ซึ่งมีทีมงานท่านนึงไปพบโดยบังเอิญดูผ่านๆเหมือนจะเข้าไปไม่ได้และไม่มีถ้ำใหญ่ภายในนั้น จึงได้มีการเปิดทางเข้าให้กว้างขึ้นด้วยการงัดหินหลายๆก้อนออกแต่ด่วยกลุ่มหินหลายขนาดที่เกาะกันแน่นมากทำให้รื้อออกจนเหลือเพียงช่องที่พอดีตัว มันกลายเป็นทางเข้าที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เพิงบางๆที่ลึกลงไปหลายเมตร วิธีการเข้าไปคือต้องหมอบคลานแบบหัวดิ่งลงไปกว่า 45 องศา เมื่อถึงช่องก็ต้องถอดหมวกเซฟตี้ออกเพราะมันจะทำให้ติด แล้วมุมก็หักขึ้นอีกในแบบที่เลื้อยลงไปแล้วต้องเงยเลื้อยเข้ารูเล็ก แล้วหักมุมลงล่างไปอีกครั้ง การเข้าถ้ำแห่งนี้จึงเริ่มต้นเหมือนเป็นงูเลื้อยเข้าโพรงรูปตัวเอส
และมันก็ติด ลำตัวติดอยู่ตรงนั้นเพราะอุปกรณ์ปีนเขาหลายตัวที่คล้องอยู่ที่เอว จึงต้องรีบปลดออกแล้วโยนไปในความมืดข้างหน้าก่อนจะไหลเข้าไปได้ง่ายขึ้นแล้วควานส่องหากลับมา ก่อนจะเจอพื้นที่ราบเล็กๆขนาด 1 × 2 ม. พอให้ได้นั่งพักเป็นพิกัดแรกพร้อมกับหยิบเครื่องวัดออกซิเจนมาเช็คอากาศซึ่งอยู่ที่ 20.9
เมื่อส่องไปปลายทางของพื้นที่ราบเล็กๆ พบว่ามันมืดหายลงไป แน่นอนมันคือปากเหว จึงรีบตะโกนให้ทีมข้างนอกติดตั้งระบบเพื่อการโรยตัวลงไปสำรวจข้างล่าง และเมื่อได้โรยตัวลึกลงไปในระยะแรกที่ลึกกว่า 20 ม. นั้น ก็ได้พบกับลานลาดเอียงเล็กๆที่พอจะยืนได้ เมื่อสาดไฟไปรอบๆก็ได้สังเกตุเห็นช่องแคบๆพอดีตัวในมุมนึง ซึ่งมันมีลมอ่อนๆโชยมา นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีถึงความลึกของโพรงถ้ำ จึงได้ตะโกนเรัยกพี่ชัย ซึ่งเป็นคู่บัดดี้อยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำว่าต้องการบัดดี้ 1 คน พี่ชัยจึงลอดช่องแคยๆเข้ามาเพื่อสแตนบายในพื้นที่ราบเล็กๆนั้น เราสองคนห่างกันราว 20 ม. ยังสามารถคุยกันได้ยินและส่องไฟเห็นกัน
ตรวจสอบระบบเชือกเซฟตี้ว่าปกติ และตะโกนบอกพี่ชัยว่าจะลงไปในปล่องแคบลึกด้านล่าง พบว่าช่องทางนั้นแคบมากต้องงัดหินหลายก้อนที่กลิ้งขวางอยู่บางก้อนนั้นหลุดลงไปในความลึก มันลึกมากซึ่งกว่าจะชนกระทบพื้นข้างล่างก็กินเวลาหลายวินาที และแล้ว ระหว่างกำลังแทรกตัวผ่านช่องหินพร้อมไฟที่หมวกสาดส่องไปข้างหน้านั้น ก็สังเกตุเห็นบางอย่างคล้ายๆกลุ่มควันหรือหมอก มันมีลักษณะเหมือนควันบุหรี่ที่เพิ่งพ่นออกมา มีความหนาแน่นในแบบที่ไม่ใช่อะไรที่ระเหยออกมาจากหินหรือผนังถ้ำแน่นอน มันเคลื่อนไหวช้าๆเหมือนเมฆฝนที่ลมกำลังลากไปมา แต่ดูเหมือนการเคลื่อนตัวของมันมีเป้าหมาย ณ ตอนนั่นเริ่มสะพรึงปนตื่นเต้นปนดีใจที่ได้พบเห็นสิ่งที่ไม่ปกตินัก
สิ่งนั้นลอยต่ำลงไปตามซอกหินเบื้องล่าง ยิ่งสองจิตสองใจว่าควรจะรีบขึ้นกลับไปข้างบน หรือควรตามสิ่งนั้นลงไปข้างล่างต่อ ใช้เวลาทบทวนอยู่แค่ 10 วินาที ก็ตะโกนบอกพี่ชัยว่า จะลงไปสำรวจต่อ อากาศอยู่ที่ 20.9 แล้วก็รีบโรยตัวลงต่อไปยังช่องแคบๆ เพื่อติดตามควันประหลาดนั้น แต่พบว่าเส้นทางนั้นหักทุมไปด้านข้างกว่า 90 องศา แล้วช่องทางก็กว้างขึ้นลึงลงไปอีกราว 10 ม. มันมีพื้นที่เล็กๆที่พอให้ยืนได้ และสายตาก็ยังไม่ละจากควันประหลาด มันล่องลอยลึกลงไปหยุดในพื้นที่นั้นเหมือนไปรออยู่ที่มุมหนึ่ง
จนเมื่อลงไปถึงลาน ก็ได้ตะโกนบอกพี่ชัยที่อยู่สูงขึ้นไปกว่า 30 ม. ได้ยินเสียงลงมาว่า "รายงานด้วย รายงานด้วย " จึงตะโกนบอกว่าเจอพื้นที่ 4 × 3 ตะโกนบอกว่า อากาศ 20.9 ตะโกนบอกว่า พัก 5 นาที แต่ก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า " ไม่ได้ยินรายงาน ไม่ได้ยินรายงาน " ซึ่งในตอนนั้น กลุ่มควันประหลาดเริ่มไปจับตัวอยู่ในฝั่งตรงข้าม ยิ่งส่องไฟเข้าหามันก็ยิ่งเห็นว่ากำลังมีหมอกเล็กๆที่ระเหยออกมาจากช่องเล็กๆที่มุมด้านล่างออกมารวมตัวกันมากขึ้น อากาศเริ่มเย็นมากขึ้น ย่อตัวนั่งลงโดยที่ไม่ละสายตาจากมัน ลองเอามือไปสัมผัสพื้น พบว่ามันเย็นเฉียบจนสะดุ้ง
ด้วยความอยากรู้และอยากจะพิสูจน์ว่ามันคืออะไร และกำลังเกิดอะไรขึ้น จึงตะโกนบอกพี่ชัยว่า ขอ 5 นาที พร้อมกับปิดไฟฉาย ....... สายตาพยายามเพ่งมองไปในความมืด ในทิศทางที่สิ่งนั้นลอยคว้างอยู่ นับวินาทีในใจไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆด้วยความตื่นเต้น เป็น 5 นาทีที่ยาวนานเหมือน 5 ชั่วโมง จนเมื่อครบเวลา จึงปิดตาแล้วเปิดไฟฉายเพื่อป้องกันม่านตาปรับตัวไม่ทัน ผ่านไป 5 วินาทีจึงลืมตาขึ้น ก็พบว่า หมอกควันนั้นหายไป ไม่เป็นกลุ่มก้อนแบบในตอนแรก แต่มันกระจายตัวเป็นละอองไปทั่วโถงเล็กๆแห่งนั้น จึงรีบปลดเป้ออกจากหลังอีกครั้งพร้อมถ่ายภาพไว้ ซึ่งก็ติดภาพของควันที่คลุ้งอยู่ และที่น่าสนใจก็คือมีควันออกมาจากฝ่ามือและลำตัวมากขึ้น มากขึ้น จนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกตินักกำลังรุมเร้ารอบตัว
ส่วนช่องเล็กๆที่มุมถ้ำนั้น เมื่อส่องไฟลงไปก็พบว่ามันลงไปได้ลึกอีกมากแต่มีความกว้างแค่คืบเดียว เชือกยังเซฟตี้อยู่กับเอวจึงดึงเชือกเพื่อส่งสัญญานแล้วตะโกนว่า " กำลังกลับขึ้นไป " พร้อมกับการปีนป่ายไปเรื่อยๆกับเชือกที่ตึงเป็นระยะจากการดึงของทีมสนับสนุนข้างบน เมื่อปีนขึ้นมาได้กว่า 30 ม. ก็เจอพี่ชัยคู่บัดดี้นั่งตกใจหน้าซีด ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ..... พี่แกบอกว่าไม่ได้ยินเสียงเราตะโกนตอบกลับมาอะไรเลย เรียกซ้ำจนเจ็บคอหมดเลยล่ะ กำลังจะจัดทีมคู่บัดดี้ลงมาสมทบเพื่อจะลงไปรับตัวน้องนี่ล่ะ เงียบหายไปเกิน 5 นาที จะรายงานไปข้างบนแล้วล่ะว่าให้ติดตั้งระบบสำรอง
เมื่อนึกย้อนทบทวนการสื่อสารไปในช่วงเวลานั้น ..... เสียงพี่ชัยตะโกนลงมานั้นเราได้ยิน แต่เสียงตะโกนขึ้นไปนั้นไม่ได้ยิน และในช่วงที่ปิดไฟฉายทั้งหมดในช่วง 5 นาทีนั้น ทุกอย่างเงียบสนิท ไม่สามารถมีเสียงจากที่ใดๆให้สื่อสารถึงกันได้ เหมือนมันมีบางอย่างปิดกั้นเสียงไว้ ....... บางอย่างที่มองเห็น แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ...... กับกลุ่มหมอกควันที่ล่องลอยแบบมีเป้าหมาย
ขอบคุณข้อมูบจาก : เฟสบุ๊ค Folk Kamponsak Sassadee