- 19 ธ.ค. 2568
อย่าชะล่าใจ! สิ่งของในบ้าน 6 อย่างที่หลายคนคิดว่าเททิ้งได้ แต่ความจริงคือภัยเงียบทำลายท่อและสุขภาพระยะยาว
6 สิ่งที่ “ไม่ควรเท” ลงท่อระบายน้ำของบ้าน
แม้ระบบท่อจะดูเหมือนรับได้ทุกอย่าง แต่ความจริงแล้วท่อระบายน้ำถูกออกแบบมาเพื่อรับแค่น้ำเสียทั่วไป การเทของบางชนิดลงไปอาจสร้างความเสียหายทั้งระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
1. สีทาและเศษสีเหลือใช้
สีทาบ้าน สีงานศิลปะ หรือสีที่ล้างจากแปรง ไม่ควรถูกเทลงท่อเด็ดขาด เพราะสีมีสารเคมีและโลหะหนักที่ระบบบำบัดน้ำไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมด หากไหลลงแหล่งน้ำธรรมชาติ อาจเป็นพิษต่อสัตว์น้ำและปนเปื้อนน้ำดื่มในระยะยาว
วิธีที่ถูกต้อง: ปล่อยให้สีแห้งแล้วทิ้งเป็นขยะทั่วไป หรือส่งจุดรับกำจัดสารเคมี
2. ยาและเวชภัณฑ์หมดอายุ
หลายคนเลือกเทยาน้ำหรือกดชักโครกทิ้งยาเม็ด แต่ความจริงแล้วสารออกฤทธิ์ในยาไม่ถูกกำจัดหมดในระบบบำบัดน้ำ ส่งผลให้เกิดการสะสมในแหล่งน้ำ และกระทบต่อระบบนิเวศ รวมถึงสุขภาพมนุษย์ในระยะยาว
วิธีที่ถูกต้อง: นำไปคืนร้านขายยา หรือจุดรับทิ้งยาของโรงพยาบาล
3. น้ำยาทำความสะอาดเข้มข้น
น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาฆ่าเชื้อ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง หากเทในปริมาณมาก จะทำลายจุลินทรีย์ที่ช่วยบำบัดน้ำเสีย และส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำเมื่อหลุดรอดออกสู่ธรรมชาติ
คำแนะนำ: ใช้ตามปริมาณที่แนะนำ และไม่เททิ้งโดยตรงเป็นจำนวนมาก
4. ของเหลวจากยานยนต์
น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก หรือสารหล่อลื่นจากรถยนต์ มีโลหะหนักและสารพิษสูง หากเทลงท่อเพียงเล็กน้อยก็สามารถปนเปื้อนน้ำได้ในวงกว้าง และเป็นอันตรายต่อทั้งคนและสัตว์น้ำ
วิธีที่ถูกต้อง: ส่งศูนย์รีไซเคิลหรืออู่ที่รับกำจัดของเสียอุตสาหกรรม
5. ไขมันและน้ำมันจากการทำอาหาร
แม้น้ำมันจะเป็นของเหลวขณะร้อน แต่เมื่อเย็นลงจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง เกาะตามผนังท่อ เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของท่ออุดตัน น้ำไหลช้า และน้ำเสียย้อนกลับเข้าบ้าน
วิธีที่ถูกต้อง: เทใส่ภาชนะ ปล่อยให้แข็งตัว แล้วทิ้งลงถังขยะ
6. สารไวไฟและสารระเหย
ทินเนอร์ น้ำยาล้างเล็บ กาว หรือเชื้อเพลิง เป็นสารที่ติดไฟและระเหยง่าย หากสะสมในระบบท่อ อาจก่อให้เกิดการระเบิด กลิ่นพิษ และมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
ข้อควรจำ: ห้ามเทลงท่อหรือชักโครกโดยเด็ดขาด
📌 สรุป
การเทของเสียผิดวิธีไม่เพียงทำให้ท่ออุดตันหรือเสียเงินซ่อมแพง แต่ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของทุกคน การแยกและกำจัดของเสียให้ถูกต้อง คือวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยรักษาบ้านและโลกไปพร้อมกัน
แหล่งที่มาอ้างอิง
Environmental Protection Agency (EPA)
World Health Organization (WHO)
กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม






