เกิดหรือไม่เกิด!! "ขุดคลองไทย" ถึงกับเปลี่ยนแผนที่โลก เส้นทางการค้า กับ ขุมทรัพย์มหาศาล สิงคโปร์ มาเลเซีย เสียประโยชน์แน่

อ่าวไทย กลับเข้ามาสู่ความสนใจอีกครั้ง ดังนั้น จะได้นำเอาบทวิเคราะห์ ที่ทาง เสธ น้ำเงิน ได้เขียนไว้บนเพจ แฉ..ความลับ มาให้ผู้ที่สนใจได้อ่านกัน

 

อ่าวไทย กลับเข้ามาสู่ความสนใจอีกครั้ง ดังนั้น จะได้นำเอาบทวิเคราะห์ ที่ทาง เสธ น้ำเงิน ได้เขียนไว้บนเพจ แฉ..ความลับ มาให้ผู้ที่สนใจได้อ่านกัน หลังจากที่ได้นำเสนอ

ตอนแรก
ไขปริศนา..ขุดคอคอดกระ ทำไมสร้างไม่สำเร็จมานานถึง 357 ปี จากอาณาจักรอโยธยา (ตอน 1)



ตอนที่สอง ไขปริศนา..ขุดคอคอดกระ ทำไมสร้างไม่สำเร็จ อังกฤษคือผู้ขัดขวาง (ตอน 2)

 

วันที่ 18 ส.ค.57 ไขปริศนา..ถ้าขุดคลองไทย จะถึงกับเปลี่ยนแผนที่โลก กลายเป็นขุมทรัพย์หลักของประเทศ (ตอนจบ)

แผนที่คอคอดกระ และพิมพ์เขียวของฝรั่งเศส สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ซับซ้อน ผูกโยงไว้ด้วยเหตุผลทางการเมือง การทหาร การต่างประเทศ การคลัง เศรษฐกิจ และผลประโยชน์แอบแฝง ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกบงการอยู่

การตัดสินใจของบรรพบุรุษพระมหากษัตริยไทย ที่ยังไม่ได้ขุดจนบัดนี้ ก็เพราะสมัยนั้นมีความล่อแหลม และสุ่มเสี่ยงต่อภัยอำพรางต่างๆ ต่อประเทศ


เส้นทางขนส่งทางทะเล 8 เส้นทางในโลก ช่องแคบฮอร์มุซ เป็นทางออกมหาสมุทรทางเดียว ของบรรดาประเทศอาหรับ ที่ส่งปิโตรเลียมออกมากที่สุดในโลก ลำเลียงน้ำมันจากตะวันออกกลาง อิรัก อิหร่าน ซาอุฯ บาห์เรน ไปอ่าวเปอร์เซีย ทะเลอาหรับ มาออกมหาสมุทรอินเดีย ลัดออกสู่ทะเลจีนใต้ - มหาสมุทรแปซิฟิก

เฉลี่ยในแต่ละวันจะมีเรือบรรทุกน้ำมัน 15 ลำ ที่บรรทุกน้ำมันราว 16.5 – 17.0 ล้านบาร์เรล ที่เดินทางออกจากช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์น้ำมัน ที่สำคัญที่สุดในโลก เรือบรรทุกน้ำมันมากกว่า 1 ใน 3 ของโลก หรือคิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ ต้องสัญจรผ่านทางช่องแคบฮอร์มุซ และ 20% ของการขนส่งน้ำมันทั่วโลก

ช่องแคบฮอร์มุซ จึงเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจ อำนาจใหม่ของโลก เพราะสหรัฐจะ “เบ่ง” เพื่อข่มขวัญ จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น อินเดีย ด้วยเป้าหมายแผ่อิทธิพล เข้าครอบครองเส้นทางลำเลียงน้ำมันที่ช่องแคบนี้ สหรัฐจึงก่อสงครามย่านนี้มาหลายสิบปี เพื่อควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ ทุ่มเทที่จะครอบครองมาตลอดจนถึงตอนนี้

แต่ถ้าน้ำมันดิบตลาดโลกราคาสูงขึ้นมาก หากสหรัฐต้องทำสงครามกับอิหร่าน จะทำให้การขนส่งน้ำมันผ่านทางช่องแคบฮอร์มุซทำไม่ได้ เพราะอิหร่านจะโจมตีเรือทุกลำที่ผ่านแน่ๆ อิหร่านเคยขู่ว่า “หากมีการบังคับใช้บทลงโทษต่ออิหร่าน ก็จะไม่มีน้ำมันแม้แต่หยดเดียวผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ”

ส่วน “ช่องแคบมะละกา” ที่ปลายดินแดนทางใต้ของไทย ขนาบอยู่ด้วยประเทศมาเลย์เซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เป็นจุดเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดีย กับ มหาสมุทรแปซิฟิก ผ่านทะเลอันดามัน และทะเลจีนใต้ มีเรือเข้า-ออกปีละกว่า 50,000 ลำ ถือเป็นสมบัติกลาง ของ 3 ประเทศ เก็บผลประโยชน์กินร่วมกัน

การขนส่งสินค้า 1 ใน 4 ของโลก จากช่องแคบฮอร์มุซ ต้องลำเลียงผ่านช่องแคบมะละกาด้วย กว่า 50 % ของการขนส่งน้ำมัน-ก๊าซทั่วโลก และกว่า 25 % ในสินค้าทั่วๆ ไป ต้องมาใช้ช่องแคบมะละกา เพราะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด จากมหาสมุทรอินเดีย ออกสู่ทะเลจีนใต้

จึงถือเป็นเส้นทางเศรษฐกิจลำเลียงพลังงาน ที่ใหญ่ที่สุดในย่ายเอเซีย สหรัฐจึงต้องการยึดเส้นทางนี้ไว้ก่อนให้ได้ ก่อนที่ รัสเซีย-จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลี-อินเดีย จะแย่งไปก่อน แล้วเบ่งกล้ามกันท่าเป็น “มาเฟีย” คุมช่องแคบมะละกา

ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม ก็ใช้ช่องแคบมะละกา เป็นเส้นทางหลักในการลำเลียงพลังงาน และสินค้า สหรัฐประกาศมานานแล้วว่า เส้นทางขนส่งทางทะเล 8 เส้นทางในโลก ใครอย่าแตะ ซึ่ง 2 ใน 8 นั้นก็ คือ ช่องแคบฮอร์มุซ และ ช่องแคบมะละกา นั่นเอง

ในระยะไม่กี่ปีมานี้ฝ่ายแรก จีน-รัสเซีย-อินเดีย-อิหร่าน เป็นขั้วอำนาจตะวันออก และฝ่ายสอง สหรัฐ-สหภาพยุโรป-ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ เป็นอีกขั้วอำนาจตะวันตก ต่างคุมเชิงและชิงไหวชิงพริบ แผ่อิทธิพล-บารมี เข้าครอบครองเส้นทางทะเล โดยเฉพาะที่ “ช่องแคบมะละกา” อันเป็นจุดเป็น-จุดตายทางยุทธศาสตร์น้ำมันของ จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ด้วย

ปัจจุบัน ศูนย์กลางอำนาจบังคับบัญชาโลก เช่น องค์การการค้าโลก เอ็นจีโอ ธนาคารกลางสหรัฐที่ (เฟด) ไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลก ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท BRICS , สงครามในยุคปัจจุบัน คือ เศรษฐกิจ-การเงิน และผนวกด้วย “สงครามพลังงาน” ที่ปั่นป่วนโลกอยู่เวลานี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความจงใจของอเมริกา

จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น อินเดีย ก็รู้ไต๋ “แผนครองโลก” ของสหรัฐ ว่าเตรียมยึดช่องแคบฮอร์มุซ โดยก่อกวนที่อิรัก ซีเรีย แกะไม่ยอมหลุด แต่ยังหาทางเล่นงานอิหร่านได้ไม่สบช่องจังหวะ และอเมริกาเตรียมยึด ช่องแคบมะละกา เพื่อ “ตอนความเติบโต” จีน ญี่ปุ่น ด้วยการบล็อกเส้นทางลำเลียงพลังงาน ซึ่งล้วนเป็น “เจ้าหนี้” รายใหญ่สหรัฐทั้งสิ้น

สหรัฐเคยกะลิ้มกะเหลี่ย เข้ามาเป็นผู้คุมอำนาจช่องแคบมะละกา โดยเสนอตั้งองค์กรความมั่นคงทางทะเลระดับภูมิภาค พยายามดึงประเทศต่างๆ เข้ามาเป็นสมาชิก ที่เข้าไปร่วมก็คือ สิงคโปร์ ส่วนมาเลย์-อินโดฯ รู้ทันจึงไม่เข้าไป บอกว่าช่องแคบมะละกาเป็นเรื่องของภูมิภาค อเมริกาไม่เกี่ยว

แต่สหรัฐ ไม่ยอมง่ายๆ เพราะช่องแคบมะละกา ไม่ใช่แค่เส้นทางหลัก ลำเลียงน้ำมัน สินค้า เท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทาง “ยุทธศาสตร์” ทางการทหารชั้นเยี่ยมห้าดาวด้วย จุดที่พม่า เป็นแค่แผน ลับ-ลวง-พราง ของสหรัฐ คือ ทำทีว่าสนใจ ต้องการยึดครองเหมือนบุกยึดอิรัก

แต่เป้าจริงๆ แล้ว สหรัฐ ต้องการใช้มาเลเซีย หวังใช้เป็นฐานเจาะเข้าไปใช้อำนาจสมยอม บริหารจัดการ “ช่องแคบมะละกา” แต่การจะเข้าหามาเลย์นั้น สหรัฐก็ไม่เข้าทางสิงคโปร์ แต่ต้องใช้ไทยเป็นสะพานทอด และต้องสร้างเงื่อนไข ข่มขู่มาเลย์เซียอีกทางด้วย ดังกรณีเครื่องบินโดยสาร 2 ลำที่หายไป และถูกยิงตก

สหรัฐ จึงเข้ามาแทรกแซง สร้างเงื่อนไข สถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศ บริเวณช่องแคบมะละกา และหมายรวมถึง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยด้วย ให้พัฒนาถึงขั้นการเกิดสงคราม การรบราฆ่าฟัน ในดินแดนแถบนี้ ซึ่งอเมริทำสำเร็จมาแล้ว ในการแบ่งดินแดนติมอร์เลสเต้ ออกจากอินโดนีเซีย

 

เกิดหรือไม่เกิด!! "ขุดคลองไทย" ถึงกับเปลี่ยนแผนที่โลก เส้นทางการค้า กับ ขุมทรัพย์มหาศาล สิงคโปร์ มาเลเซีย เสียประโยชน์แน่

 

ส่วนจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยนั้น หากเป็นขบวนการแบ่งแยกดินจริงๆ การเคลื่อนไหว ทางการเมือง และวัฒนธรรม ให้คนพื้นที่ยอมรับมากกว่า การกระทำอันโหดเหี้ยมป่าเถื่อน และผลประโยชน์จากน้ำมันเถื่อน ที่มวลชนไม่ยอมรับ

ดังนั้นการจงใจที่จะสร้างความยั่วยุไทย ให้สถานการณ์ขยายตัว ไปสู่ความขัดแย้งทางศาสนา
ระหว่างชาวพุทธ กับ มุสลิม และจงใจให้เกิดการล้อมปราบจลาจล จากรัฐบาล เช่น กรณีมัสยิดกรือเซะ หลังเหตุการณ์นั้นสหรัฐ เสนอให้การช่วยเหลือทางการทหารแก่ไทย

เล่นมุกรับกับสิงค์โปร์เรียกร้องให้สหรัฐ เคลื่อนกองทัพเรือ เข้าประจำการในแหลมมาลายู เพื่อป้องกันการก่อการร้ายในช่องแคบมะละกา แต่ถูกตอบโต้จากมาเลเซีย และการปฏิเสธการรับความช่วยเหลือจากทหารไทย

หากจะสร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องผูกเชื่อมโยงเข้ากับสถานการณ์ในมาเลย์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เพื่อให้สหรัฐมีข้ออ้าง ในการที่จะเคลื่อนกำลังกองทัพเรือยึดคุมช่องแคบมะละกา ส่งนาวิกโยธินเข้าประจำการช่องแคบมะละกา

แล้วบีบให้องค์กรหุ่นเชิด คือ สหประชาชาติ ออกมาแถลงเรียกร้อง ขอให้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไป เพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กองกำลังตำรวจโลกผูกขาดอย่าง สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย นักล่าอาณานิคม ก็จะใช้เป็นข้ออ้างอันชอบธรรมเข้ามาทันที

การเคลื่อนแสนยานุภาพทางทะเล เข้าประจำการดังกล่าว เท่ากับเป็นการเข้าควบคุม “ช่องแคบมะละกา” จุดยุทธศาสตร์โลกทางทะเลโดยชอบธรรมเสียด้วย และสหรัฐ ก็ชอบกล่าวหาว่า อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นแหล่งอาศัย ของกลุ่มขบวนการก่อการร้ายสากล ต่างๆ เช่น กบฏอาบู เซยาฟ ขบวนการอัลกออิดะห์ กลุ่มเจมาห์ อิสลามิยะห์

วันนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย มาเลเซีย ระบุว่า กลุ่มรัฐอิสลามในมาเลเซีย จ้องเล่นงานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีแผนจะตั้งประเทศอิสลาม และได้แรงบันดาลใจ พร้อมเดินทางไปศึกษาจากกลุ่มติดอาวุธสุนีย์ IS เพื่อเลียนแบบ

โดยทางกลุ่มมีแนวคิดจัดตั้ง “รัฐอิสลามเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” กินพื้นที่ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน ทางการมาเลเซียสามารถจับกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัย 19 คน กลุ่มที่ก่อเหตุเป็นชาวมาเลย์ทั้งหมด

และมีอายุระหว่าง 20-50 ปี หลังก่อเหตุวางแผนลอบวางระเบิดโจมตี ไนท์คลับ, ดิสโก้ และโรงงานผลิตเบียร์ค ใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในมาเลเซีย กลุ่มนี้จะเดินทางไป ตุรกี ซีเรีย เพื่อฝึกฝน และขอแรงสนับสนุนกับกลุ่ม IS

โครงการคลองไทยนี้หากสำเร็จในอดีตที่ผ่านมา จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย แต่ที่ผ่านมาสิงคโปร์ และ มาเลเซีย ต่อต้านโครงการมาโดยตลอด เนื่องจากหากประเทศไทยทำสำเร็จ ทั้ง 2 ประเทศนั้นจะเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล

ถ้าในอนาคตมีอะไรเกิดขึ้นกับช่องแคบมะละกา ไทยเองก็จะลำบากทันที เพราะไทยใช้น้ำมันมากเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และน้ำมันสำรองอยู่ได้ไม่ถึง 1 เดือน ความเสี่ยงด้านพลังงานจากน้ำมัน และก๊าซ จึงมีมาก ถ้าลองมาดูข้อดีการขุด “คลองไทย” ที่ภาคไต้

1.1. จะย่นโลกจากมหาสมุทรอินเดีย ทะลุไปสู่ฝั่งอ่าวไทย ไปทะเลจีนใต้ โดยไม่ต้องเปลืองเวลาอ้อมแหลมลายู ไปทางช่องแคบมะละกา กระจายความเสี่ยง ในการพึ่งพา จุดยุทธศาสตร์การขนส่ง และการสงครามทางทะเล บังคับให้โลกต้องเขียน “แผนที่โลกใหม่” กลายเป็นเส้นทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก

1.2. จะเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยไปตลอดกาล และก็ไม่ต้องไปแบ่งผลประโยชน์กับใคร ถ้าเริ่มวันนี้ก็คงสำเร็จวันหน้าสักวัน อาจเลือกใช้วิธีสร้างได้หลายแบบ ที่แทบไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหาเรื่องภูมิประเทศไปได้ เช่น
- สร้างท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่ง เชื่อมด้วยคลองทำเป็นระบบทดน้ำยกพื้น เหมือนคลองปานามา
- ทำแบบคลองคู่ขนาน มีความปลอดภัยสูงจากอุบัติเหตุ รองรับให้เรือขนาดใหญ่ 3 – 5 แสนตัน ผ่านได้ 300 - 350 ลำต่อวัน ซึ่งเป็นที่ต้องการของบริษัทเดินเรือทั่วโลก (คลองปานามา 38 ลำต่อวัน คลองสุเอช 87 ลำต่อวัน)
- ทำแบบถนนน้ำขนาดใหญ่ ให้เรือเดินทางผ่านได้โดยไม่ต้องขุดดิน ซึ่งทำให้ไม่เกิดความรู้สึกแบ่งแยกดินแดน

1.3. เป็นแหล่งขุมทรัพย์หลักของประเทศ โดยจะไม่มีประเทศใดๆ สามารถมาแข่งขันได้อีกเลย เพราะตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นมรดกจากบรรพบุรุษนี้ มีแห่งเดียวในโลก ดูดเงินตรา จากต่างประเทศทั่วโลก ไหลเข้าสู่ประเทศไทยได้ทั้งทางตรง และทางอ้อม ได้โดยไม่มีวันหยุด ตลอดวัน ตลอดคืน สร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล เป็นศูนย์กลางทุกสิ่ง ทุกอย่าง

จะสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความเจริญ ไปทั่วทั้งภาคใต้ คนไทยราว 3-4 ล้านคน จะหลั่งไหลเข้ามาอยู่ และทำมาหากิน เริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่ แกร่งยิ่งกว่ากองทัพที่เข้มแข็ง ปกป้องคุ้มครองแผ่นดินไทยไปโดยปริยาย จะสามารถแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ ได้อย่างละมุนละม่อม และสันติวิธี

1.4. จะสร้างความมั่นคงของประเทศ หากอ่าวไทยถูกเรือรบต่างชาติปิดกั้นด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม คลองไทยจะเป็นเส้นทางสำรองของกองทัพเรือ นำกองกำลังเข้า-ออก ลาดตระเวนตรวจ ตามรอยต่อของเขตน่านน้ำระหว่างประเทศ การเคลื่อนย้ายกำลังของกองทัพเรือไป-มาทั้งสองฝั่งทะเลไทย จะไม่สร้างความรู้สึกหวาดระแวงให้ กับประเทศเพื่อนบ้าน

1.5. ทำให้เรือประมงไทย ทั้งฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย กว่า 4.5 หมื่นลำ สามารถไป-มาทั้งสองฝั่งได้สะดวกรวดเร็ว ใช้ทรัพยากรทางทะเลของทั้งสองฝั่งทะเล ที่มีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ ช่วยลดการใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ระหว่างสองฝั่งทะเลไทย การจราจรไม่คับคั่ง เพราะในจำนวนนี้มีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ที่จะข้ามไป-มา และการข้ามก็ไม่ได้กระทำพร้อมกันรวดเดียวทั้งหมด

เหมือนแม่นำเจ้าพระยา ที่มีเรือสินค้าตลอดวัน แต่ก็ไม่คับคั่ง อีกทั้งคอลงไทยจะช่วยป้องกัน และระบายน้ำท่วม จากพายุฝนที่ตกอย่างหนัก ระหว่างเส้นทางคลองผ่าน ให้ไหลลงทะเลได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ

1.6.ไทยจะมีอำนาจต่อรอง ถ่วงดุล อำนาจ ทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง และทางทหาร ระหว่างประเทศมหาอำนาจของโลก เช่น จีน กับสหรัฐ อเมริกา ประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่า ปลอดภัยมากกว่า กว่าเส้นทางช่องแคบมะละกา ที่มีปัญหาโจรสลัดปล้นเป็นประจำ

1.7. ระยะทางการขนส่งน้ำมันใกล้กว่า ไม่ต้องอ้อมไปผ่านถึงประเทศสิงคโปร์ เรือผ่านคลองไทยจะใช้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้มีปริมาณการขายน้ำมันได้มากพอ ที่ไทยจะเป็นผู้กำหนดราคาขายน้ำมันอ้างอิงเองได้โดยไม่อิงสิงคโปร์ดั่งทุกวันนี้ และปัญหาน้ำมันเถื่อนก็จะหมดไป (ปัจจุบันสิงคโปร์ขายน้ำมันให้กับเรือที่มาใช้บริการกว่า 5.67 หมื่นตันต่อวัน สิงคโปร์ขาย 1 เดือน มากกว่าไทยขาย 1 ปี)

1.8. จะช่วยประหยัดค่าขนส่งน้ำมัน และสินค้า 2 แสนล้านบาทต่อปี เพราะเรือขนส่งน้ำมันของไทย ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากประเทศในตะวันออกกลาง มายังโรงกลั่นในประเทศ เรือขนส่งน้ำมันแต่ละลำจะใช้เวลาประมาณ 2 วันเท่านั้น

1.9. จะทำให้ประเทศที่อยู่ มหาสมุทรอินเดีย และ มหาสมุทรแปซิฟิก นอกจากลดเวลาแล้ว ยัง ประหยัดค่าใช้จ่าย การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลได้อย่างมาก แต่ละเที่ยวคิดเป็นเงินหลายสิบล้านบาทต่อเที่ยว ส่งผลให้ไทยสามารถต่อรองทางการทูตในเรื่องอื่นๆ กับประเทศต่างๆ ที่ใช่เส้นทางได้

 

เกิดหรือไม่เกิด!! "ขุดคลองไทย" ถึงกับเปลี่ยนแผนที่โลก เส้นทางการค้า กับ ขุมทรัพย์มหาศาล สิงคโปร์ มาเลเซีย เสียประโยชน์แน่

 

ขอพิจารณาลดความกังวล

2.1 ด้านสงครามจากมหาอำนาจ จะมีผลน้อยไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะอเมริกา ต้องการควบคุมทุกจุดยุทธศาสตร์สำคัญๆของโลกไว้ เป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ในการสร้างดุลอำนาจที่เหนือกว่าจีน และรัสเซีย เพื่อเป็นหลักประกันความมั่งคั่ง มั่นคงของตนให้คงอยู่เหนือชนชาติอื่น ไม่ว่าทำหรือไม่ทำ ไทยเราจึงจะถูกดึงเข้าสู่ความขัดแย้งนี้ อย่างไม่มีทางเลี่ยงอยู่แล้ว จากฝ่ายจีน หรือ จากฝ่ายสหรัฐ

ไทยจึงจะเป็นเหมือนสาวสวย ที่หัวกระไดบ้านไม่แห้ง จะต้องมีหนุ่มๆ มาคอยจีบคอยเอาใจ ตลอดเวลา พูดได้แต่ปาก แต่ไม่มีประเทศใดกล้าจะทำสงครามด้วยง่ายๆ เหมือนประเทศที่คุมช่องแคบ หรือคลองข้าม อื่นๆ ทั่วโลก แค่ไทยขู่ไม่ให้เรือประเทศใดผ่าน เท่านี้ก็เยี่ยวปริบราดกางเกงแล้ว

2.2 ความขัดแย้งระหว่างประเทศ สิงค์โปร์ มาเลย์ อินโดนีเซีย จะต่อต้านหรือไม่ อันนี้ไม่ยาก เพราะหากไทยเลือกประเทศใดผู้ลงทุน แสดงว่าเขาเป็นมหาอำนาจละดับ 1-2 ของโลกแน่ๆ เขาก็มีวิธีที่เขาจะบริหารจัดการตรงนั้นเอง อีกทั้งสถานการณ์โลกเปลี่ยนไปแล้ว 3 ประเทศนี้จะเข้า AEC ปี 2558 รวม 10 ประเทศ

เราก็สามารถเจรจากันได้ ให้กลายเป็น “หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ” กัน แหล่งก๊าซ แหล่งน้ำมัน ป่าไม้ แหล่งแร่ แหล่งน้ำ เขาก็จะไม่ถึงกับต่อต้านเหมือนในอดีต เพราะถ้าตรงไทยมั่งคั่ง ก็จะกระจายความมั่งคั่งนี้สู่ประเทศใน AEC ด้วย..เรื่องเจรจานี้กระทรวงการต่างประเทศไทยชำนาญ

2.3 ความมั่นคงด้านถูกแบ่งแยกออกจากกัน ขวานทองด้ามจะขาด การแบ่งแยกประเทศ หรือแบ่งแยกดินแดนนั้น ไม่ได้ง่ายดายเหมือนอดีตขนาดนั้น เพราะเกาะภูเก็ต ขนาดพื้นที่จะเท่าสิงคโปร์ ก็ยังไม่เคยคิดแยกดินแดนจากไทย , ฮาวาย ก็ไม่เคยเคยคิดแยกจากอเมริกา , เกาะเกาะจังหวัดต่างๆ ก็ไม่เคยคิดแยกจากญี่ปุ่น

ฟิลิปปินส์ ทั้งประเทศมีราว 10,000 เกาะ ก็ไม่ได้มีปัญหาแยกออกเป็น 10,000 ประเทศ แม้แต่คลองสุเอซ ก็ไม่เคยทำให้อียิปต์แยกประเทศ , คลองปานามา ก็ไม่เคยทำให้ปานามา แยกประเทศออกมา

เรื่องนี้จึงเป็นแค่สงครามจิตวิทยา ของอังกฤษ และ โดยเฉพาะสิงคโปร์ในอดีต ที่สร้างขึ้นมาให้คนไทยที่ไม่ค่อยรู้เรื่องระหว่างประเทศ เป็นแนวร่วมช่วยคัดค้านเท่านั้น เป็นตรรกะหลอกลวงคนไทย ตั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้ว แต่ถึงปัจจุบันก็ยังมีคนยอมเชื่อแบบฝังหัว

ประเทศสิงคโปร์ มีขนาดเท่าเกาะภูเก็ต ไม่มีทรัพยากรใดเลยทุกชนิดแม่แต่น้อย ซื้อนำเข้าจากต่างประเทศหมด น้ำจืด ดินถมทะเล ต้นไม้ สินค้า ฯลฯ แม้แต่ชายหาดยังลงเล่นน้ำไม่ได้ แต่สิงคโปร์กลับรวยที่สุดในกลุ่มอาเซียน เพราะเขามีรายได้หลักจากผลประโยชน์ทางเรือช่องแคบมะละกา

เรื่องอณาเขตดินแดนนี้ มันคือความผูกพันของชนชาติ ไม่ใช่ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิประเทศแยกกันไม่มีผลให้เกิดการแยกดินแดน เพราะทุกชาติในโลก จะผู้โยงกันด้วยสายใย ประวัติศาสตร์ ของชนในชาติมากกว่าภูมิประเทศ

และทั้ง 2 ด้านของ ถนนน้ำ หรือ คลองไทย สามารถให้มีการจัดตั้งค่ายทหารพิเศษ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์เต็มอัตราศึก ไว้เพื่อความมั่นใจของประชาชนในระยะยาว

2.4 ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาคลองไทย มีวิธีการหลากหลาย ที่เราไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด หรือ ไม่ต้องให้ไทยควักกระเป๋าเลย เช่น
- ชาติใดก็ตามเสนอเงื่อนไขให้ไทยได้ประโยชน์ที่สุด ก็จะได้รับส่วนลดสิทธิเศษ ในการเดินเรือผ่านคลองไทย ตามระยะเวลาที่จะทำสัญญากัน
- แบ่งสัดส่วนรายได้กัน ระหว่าง 2 ประเทศ ตามระยะเวลาที่จะทำสัญญา แต่อำนาจอธิปไตย และการบริหารจัดการ ยังต้องเป็นของไทย 100% เหมือนเดิม
- ผลพลอยได้ต่างๆ ข้างคลองไทย เช่น ค่าโฆษณา การท่องเที่ยว ต้องเป็นของไทยทั้งหมด

2.5 เรื่องความยินยอมจากคนในพื้นที่ก็ต้องมีการทำพิจารณ์ตามกฎหมาย , เรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีกฎหมายควบคุมเรื่อง EIA อยู่แล้ว ก็ทำรายงานตามกฎหมายไทยอย่างเข้มงวด หรือเรื่องอื่นๆ ก็ค่อยๆ แก้ควบคู่กันไป

แต่หากไทยมีผู้นำโง่ แบบปูข้าวเน่า เดินนโยบายประชานิยม ประเทศไทยก็จะถูกหลอกใช้ตลอดไป และคนไทยจะไม่ได้อะไรเลย นักการเมืองเอาไปกินหมด คนที่เป็น “ผู้นำประเทศ” นายกรัฐมนตรีคนใหม่ลำดับที่ 29 ของไทย ที่ สนช.จะเลือกในวันที่ 21 สิงหาคม 2557 นี้ จึงจะต้องมีความเชี่ยวชาญ เรื่องความมั่นคงทางทหาร หรือ ทำงานเข้ากันได้กับทหารอย่างกลมกลืน

สามารถเดินเกมส์ ถ่วงดุล ชาติมหาอำนาจได้อย่างคมกริบ ทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง และ ทางทหาร ได้อย่างสมดุล เพื่อประโยชน์ของคนไทย 67 ล้านคน

 

เกิดหรือไม่เกิด!! "ขุดคลองไทย" ถึงกับเปลี่ยนแผนที่โลก เส้นทางการค้า กับ ขุมทรัพย์มหาศาล สิงคโปร์ มาเลเซีย เสียประโยชน์แน่