"ปึ้ง" จับตา !! ร่างรธน.ถูกตั้งธงเพื่อวางท่ออำนาจหรือไม่ - เหน็บ "คสช." วางแผนสุดแยบยล

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" จับตาดูร่างรธน.อย่างแนบชิด ตั้งธงวาดหลักการและรูปแบบเพื่อที่ต้องการจะคว่ำร่างฯนี้เพื่อต่อท่ออำนาจหรือไม่ ? เหน็บคสช.วางแผนได้อย่างแนบเนียน - ตั้งคำถาม 3 ข้อถึงรัฐบาล เรื่องความเสียหาย เศรษฐกิจและโรดแมป ถ้าเหลวขึ้นมาจะแกอย่างไร ? จี้คืนปชต.ให้ปชช.โดยเร็ว !!

 


วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบทุจริตร่างแรก ที่ได้มีการแถลงไปเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า วันนี้เชื่อว่า ได้เกิดคำถามขึ้นในใจของประชาชนคนไทย และสังคมโลกว่ากำลังถูกหลอกให้หลงเชื่อว่าไทยเรากำลังร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมา เพื่อปฏิรูปประเทศและกำลังแก้ไขความขัดแย้งสร้างความปรองดองขึ้นในสังคมไทย และจะคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนคนไทยจริงหรือไม่ อีกทั้งยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ได้มีความตั้งใจที่จะไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านการทำประชามติมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วก็เป็นได้ เพราะเท่าที่ได้ติดตามพฤติกรรมที่เกิดขึ้นที่ผ่านๆ มา ตั้งแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญ ของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโน อดีต ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ที่ถูกคว่ำไปโดย สปช. ซึ่งเป็นพวกเดียวกันเอง และขณะนี้ที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. และ กรธ. มาช่วยกันยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็มีแนวโน้มที่จะยืดเวลาจาก 6-4-6-4 เดือนออกไปเป็น 6-4-8-5 เดือน แล้วในที่สุดก็อาจจะถูกคว่ำทิ้งโดยประชาชน เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
         

 

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า อีกทั้งดูเหมือนว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.เป็นไปตามความต้องการและรูปแบบที่ตั้งใจตั้งธงเอาไว้แล้ว ให้มีการยกร่างขึ้นมาโดยไม่ฟังเสียงคัดค้าน ไม่รับฟังคำชี้แนะหรือข้อเสนอจากฝ่ายใดทั้งสิ้น และก็ยกร่างขึ้นมาไม่ให้เป็นประชาธิปไตยที่สากลยอมรับได้ เพื่อต้องการหรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัฐธรรมนูญนี้ถูกคว่ำทิ้งไป และก็ต้องมาเสียเวลายกร่างกันขึ้นมาใหม่อีก เพื่อที่จะใช้เป็นข้ออ้างว่ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ก็ยังไม่สามารถปฏิรูปประเทศได้ ความปรองดองก็ยังไม่เกิด สังคมยังแตกแยกอยู่ จึงจำเป็นต้องยืดเวลาออกไปอีก ก็เป็นวิธีการที่ใช้ได้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นข้ออ้างที่ทำให้ คสช.อยู่ในอำนาจได้ลากยาวและนานขึ้น และที่อยู่มาได้ถึงวันนี้ คสช. ก็จะสามารถอยู่ในอำนาจไปได้อย่างน้อยๆ ก็เกิน 3 ปี หรือเกือบ 4 ปีเต็มๆ เข้าไปแล้ว หรืออาจมากกว่าก็ได้ ก็ต้องถามกันด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนคนไทยกำลังถูกหลอกกันหรือไม่ และหากมีการตั้งใจนำวิธีการเช่นนี้มาใช้จริง ก็ต้องยอมรับว่า คสช. มาเหนือเมฆแบบที่คนคาดคิดไม่ถึง เพราะจะได้ใช้เป็นข้ออ้างว่า ไม่อยากให้การปฏิวัติครั้งนี้เสียของเหมือนในอดีตเช่นในสมัย รสช. หรือ คมช.
         

 

"ดังนั้นในครั้งนี้ คสช. จึงต้องทำให้แตกต่าง โดยจัดตั้งให้มีแม่น้ำ 5 สาย ขึ้นมาช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง ปฏิรูปประเทศให้เดินหน้าไปให้ได้ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ ที่ถูกเขียนขึ้นมาภายใต้หลักการของ คสช. ที่ยังต้องการรักษาอำนาจเอาไวัอยู่ในอุ้งมือเหนือรัฐบาลเป็ดง่อย ที่จะได้มาจากการเลือกตั้งและให้อยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมขององค์กรอิสระ ที่จะกำกับรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ จนกระดิกกระเดี้ยคิดทำอะไรให้ประชาชนแทบไม่ได้ และก็จะเห็นได้ว่าหัวหน้า คสช. ก็มักจะตั้งคำถามแบบข่มขู่ และจี้ใจดำคนไทยอยู่ตลอดเวลาว่า คนไทยอยากให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมทะเลาะกันบนท้องถนน ปิดถนน ปิดทำเนียบ ทำร้ายกันเองอีกหรืออย่างไร และก็จะใช้ข้ออ้างว่าถ้ากลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 40 หรือปี 50 อีก ทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ขัดแย้งทะเลาะกันอีกและนักการเมืองโกงกินแบบเดิมๆ จะเอาไหม ซึ่งก็เข้าล็อกที่พวกท่านวางกันเอาไว้พอดิบพอดีว่า ยังไงก็ต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาให้ได้ เพื่อบังคับใช้ปฏิรูปประเทศให้ได้ นี่ก็ต้องขอชมเชยกุนฃือของ คสช. ที่วางแผนการไว้ได้แยบยลและแนบเนียนระดับเซียนจริงๆ ในครั้งนี้" นายสุรพงษ์ กล่าว
         

 

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าต่างชาติและองค์การสหประชาชาติก็คงงุนงง ตามไม่ได้ไล่ไม่ทันกับวิธีการสืบทอดอำนาจ และการเข้าควบคุมกำกับการทำงานของรัฐบาล โดยองค์กรอิสระแอบซ่อนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ ประกอบกับโรดแม็ปที่ยืดได้แต่หดไม่ได้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ประกาศไว้ในเวทีโลก ก็คงทำให้ต่างชาติไม่อาจเข้าใจได้ว่า ทำไมถึงต้องยืดและเลื่อนออกไปได้อยู่ตลอดเวลา แต่ที่สำคัญที่สุดที่น่าเป็นห่วงและต้องฝากถึง คสช.ให้ตระหนักเอาไว้ด้วยว่า ทุกวันนี้พวกท่านบริหารประเทศมาร่วม 2 ปีแล้ว ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไม่ได้ดีขึ้น การทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่ได้หมดไป ประชาชนไม่มีรายได้ดีขึ้น ผลหมากรากไม้ขายไม่ได้ราคา ชาวไร่ชาวนาขายผลผลิตข้าว อ้อย ยาง มันสำปะหลัง ไม่ได้ราคาเหมือนที่พวกเขาเคยขายได้ในอดีต คนจนมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากขึ้น การดูแลรักษาพยาบาลคนจนให้ได้รับการรักษาฟรีกันถ้วนหน้า ก็มีแนวโน้มที่จะให้มีการปรับปรุงทบทวนใหม่ให้ประชาชนต้องมีส่วนร่วม เชื่อว่าพวกท่านต้องได้รู้จักคิดบ้างว่า มีความสามารถในการบริหารประเทศมากน้อยเพียงใด เพราะถ้าท่านทำได้ดีพวกท่านอยู่ต่อไปก็ไม่มีใครว่าได้ แต่ถ้าอยู่นานแล้วบริหารไม่ได้ความเสียหายจะสั่งสมพอกพูนขึ้นเป็นเงาตามตัว
         

 

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนด้านความน่าเชื่อถือของไทยในสายตาประชาคมโลกนั้น ที่พวกท่านไม่เคยคิดแยแสสนใจหรือให้ความสำคัญเท่าที่ควร แต่กลับปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ส่งทูตไปชี้แจงแก้ตัวไปวันๆ ต่างๆ นานา ให้ต่างชาติเขาหลงเชื่อเอาตัวรอดแบบขอไปทีนั้น ก็น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะพวกท่านคิดเองว่านี่คือประเทศไทยใครอย่ามายุ่ง แต่ถ้าหากต่างชาติเขาเริ่มไม่มั่นใจขยับถอนการลงทุน ลดการทำธุรกิจและมีปฏิกิริยาต่างๆ ในทางลบต่อประเทศไทยตามมา พวกท่านก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า ต่างชาติเขาไม่เอาด้วยกับพวกท่าน และยิ่งพวกท่านบริหารบ้านเมืองไปนานวันกว่านี้ ก็ไม่ทราบได้ว่าความเสียหายหรือความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศจะเป็นเช่นไร
         

 

"จึงต้องมีคำถามที่อยากจะขอให้พวกท่านช่วยตอบสังคมด้วยว่า 1. หากเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง จนประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจประเทศตกต่ำพังลงไปอีก รายได้ภาษีไม่พอรายจ่ายของประเทศ ฯลฯ ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในซีกประชาธิปไตยถดถอยลงไป ก็อยากจะถามว่าพวกท่านจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร และ 2. ในเมื่อประชาชนเริ่มรู้ทันความคิดของพวกท่าน และรู้ว่ากำลังถูกหลอกให้ต้องรับร่างรัฐธรรมนูญของพวกท่านแล้ว สมมติว่าประชาชนตัดสินใจคว่ำร่าง รธน.ทิ้ง ก็อยากจะถามท่านว่าจะยอมหันกลับมาประกาศให้ใช้รัฐธรรมนูญปี 40 ที่เป็นประชาธิปไตย และได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริงได้หรือไม่ และ 3. ท่านจะยืดเวลาขยายโรดแม็ปของท่านออกไปอีกตามที่ กรธ. เสนอมาในครั้งนี้หรือไม่ และท่านคิดจะบริหารบ้านเมืองต่อไปอีกนานเท่าใด ท่านได้คิดคำนวณเอาไว้แล้วหรือยังว่า มูลค่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลวของพวกท่าน จะคิดเป็นมูลค่าอีกประมาณเท่าไร เหตุใดท่านจึงไม่คิดที่จะรีบคืนความเป็นประชาธิปไตยให้แก่คนไทย ก่อนที่ประเทศชาติจะเสียหายไปมากกว่านี้" นายสุรพงษ์ กล่าว