ลากไส้ "เนติวิทย์" เมินถวายบังคม 2 ล้นเกล้าฯ  !!!  เปิดทุกความจริงจากรุ่นพี่ # มารยาท  สันดาน # บทสรุป "เขาไม่ใช่ปัญญาชนที่จุฬาฯต้องการ" ??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

 

     ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่โลกโซเชียลยังคงให้ความสนใจถกเถียง  จากพฤติกรรมของนายเนติวิทย์  โชติภัทร์ไพศาล   นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   ที่จนถึงนาทีนี้แล้วคงไม่ต้องย้อนความห่ามให้หลายคนต้องตั้งคำถามอีกว่า    ทำไมต้องให้พื้นที่นายเนติวิทย์แสดงความอหังการผ่านสือสาธารณะ     ด้วยประการสำคัญคือจะอย่างไรเสีย   นายเนติวิทย์ก็คงเลือกตะแบงไปเรื่อย ๆ  สำหรับข้ออ้างการไม่ถวายบังคมพระราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล  ด้วยเหตุเพราะว่า  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า  เคยทรงรับสั่งให้ยกเลิกพิธีการมอบคลาน  เหมือนกับโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คล่าสุด

 

   ลากไส้ "เนติวิทย์" เมินถวายบังคม 2 ล้นเกล้าฯ  !!!  เปิดทุกความจริงจากรุ่นพี่ # มารยาท  สันดาน # บทสรุป "เขาไม่ใช่ปัญญาชนที่จุฬาฯต้องการ" ??

 

     ขณะที่ตลอดทั้งวันที่ผ่านมามีบุคคลในแวดวงต่าง ๆ ออกมาแสดงทัศนะต่อปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งอย่างเอนเอียงเห็นด้วยกับนายเนติวิทย์  ว่าคือสื่อสัญลักษณ์ตัวแทนคนรุ่นใหม่    ที่กล้าแสดงตัวตนท้าทายวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่กับรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาอย่างยาวนาน       แต่มีคนจำนวนมากชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการแสดงออกของนายเนติวิทย์   เพราะเจตนาบ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นพฤติกรรมไม่ต่างกับพวกลิเบอร์ร่าน   ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในสังคมไทย      เพราะมีข้อบ่งชี้ถึงการเตรียมการจะทำให้พิธีอันสำคัญยิ่งของชาวจุฬาฯ  มีร่องรอยด่างพร้อยเกิดขึ้น ???

 

     จนกระทั่งล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา   เจ้าของเพจเฟซบุ๊คที่ชื่อ  Kan Somsai   ก็โพสต์ข้อความอันเป็นสาระสำคัญของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่  15  ก.ค. 2559    (พิธีปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ)    ดังรายละเอียดต่อไปนี้  " ไหนๆ ก็ไหนๆ วันนีเราขอออกมาพูดในฐานะคนจัดงานบ้างเราจะเล่าเหตุการณ์ทุกอย่าง  อย่างละเอียดละกันนะ     เราขอขอพูดในมุมของคนจัดงานนี้นะ    บอกตรงๆ ว่างานนี้คืองานแรกของเรา  เราตั้งใจทำมันออมาให้ดีที่สุด
 

    เราเตรียมงานนี้ก่อนเป็นเดือนๆ เราคิดกันว่าเราจะทำอะไรให้น้องได้บ้าง  น้องจะโอเคกับกิจกรรมอะไรบ้างนะ น้องอยากเห็นอะไรบ้างนะ    ตะเกียบที่เราปักเป็นส่วนๆ ให้น้องนั่ง เราปักกันจนดึกดื่น จนเรามีทะเลาะกัน  แต่เราก็เข้าใจกัน เพราะแค่อยากให้น้องๆ ได้รับความประทับใจครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตนิสิตจุฬาฯให้ได้มากที่สุด  ภาพรวมของงานเมื่อวานดีมากๆ อากาศค่อนข้างร้อน แต่ได้เห็นร้อยยิ้มของน้องๆ เราก็ดีใจ แต่แล้วพอมาถึงกิจกรรมสุดท้าย เราก็ต้องใจสลาย..

 

    ก่อนพิธีเราเมาแดดมากจนจะเป็นลม   เราคิดได้ว่าเรายังไม่ได้กินข้าวเลย เราจึงชวนพี่เราคนนึงที่เป็นหัวหน้าของเราอีกที ไปหาของหวานๆ กินกันแถวๆ คณะวิศวะฯ  สักพักก็มีเสียงจาก VR ประกาศว่า "staff stand by พิธีจะเริ่มแล้วครับ"  เราไม่คิดอะไรทั้งนั้น รีบเดินแบกกระเป๋าสองใบ VR หนึ่งตัว กับร่างที่กำลังจะไม่ไหว กลับไปที่สนามหน้าพระบรมรูปฯ  บรรดาผู้ปกครองกว่าร้อยชีวิต ที่มารอดูพิธีนี้พร้อมความภูมิใจของหัวอกคนเป็นพ่อแม่  เรารู้สึกหายเหนื่อยที่ผู้ปกครองทุกคนต่างชื่นชมงานในปีนี้ว่าไร้ที่ติ ผ่านไปด้วยดี...

 

    แต่แล้ว.. เขาสองคนก็ลุกขึ้นระหว่างรอบพิธีจริง    ระหว่างที่ทุกคนกำลังรวมใจกันฝากตนเป็นนิสิตจุฬาฯ แล้วเดินผ่านหน้าเราไป อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร เราจำได้ว่าตอนนั้น น้ำตาเราอยู่ๆ ก็ไหลออกมาเอง เสียง VR เงียบหายไป ทุกคนนิ่งให้กับการกระทำนั้น เขาเดินกลับไปในเต๊นอำนวยการ   มีคนที่สนับสนุนยืนรอเขาแล้วเอาพัดมาพัดให้เขาอย่างมีความสุข ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นของเขากำลังทำพิธีกลางแดดร้อนๆ
 

    และแล้ว ทุกอย่างก็กลับมาปกติ ตำแหน่งที่เขาสองคนเดินออกไปไม่มีใครเข้ามาแทน  แต่ลองคิดแบบนี้สิ ???
 

    เขาก็แค่ 2 จาก 6,124 คน คิดเป็น 0.032 %
 

   เขาก็แค่ 2 จาก 50,000 กว่าคน คิดเป็น 0.004 %
 

   เขาก็แค่จุดเล็กๆ ในภาพที่ถ้าไม่ซูมก็ไม่เห็นอะไร ภาพก็ยังสวยงามอยู่ดี

 


    จากเหตุการณ์เมื่อวาน   ทำให้เราเห็นว่าเขาสองคน  มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่ขาดซึ่งความเข้าใจอย่างถึงที่สุด   "รู้สิทธิ รู้หน้าที่ รู้เสรีภาพ"   แต่สิ่งที่พวกเขาขาด  ก็เห็นจะเป็นว่าขาดกาลเทศะ  ขาดสหธรรม  พวกเขาเห็นแก่ตัว   พวกเขาดูถูกศรัทธาคนอื่น     ขาดหลักการเป็นมนุษย์ขั้นพื้นฐาน  น่าเสียดายที่เขาตั้งใจเรียนอ่านหนังสือ  admission  เข้าในคณะรัฐศาสตร์ สาขาการปกครอง  คณะและสาขาที่ใครๆ ก็เฝ้าฝัน รวมถึงตัวเราเองด้วย
 

    เขาใช้โอกาสของคนอื่นหลายคนมาทำให้ไร้ค่า    เขามิใช่ปัญญาชนในแบบที่จุฬาฯต้องการ ไม่ใช่ปัญญาชนในแบบที่ประเทศไทยต้องการ   เขาไม่ใช่อะไรเลยในสายตาเรา
 

     ที่เราร้องไห้    เราไม่ได้ร้องให้เสียใจที่เขาเดินออกมา   แต่เราร้องไห้เสียใจที่จุดที่เขาเดินออกมามันจะเป็นรูโหว่ ภาพที่น้องๆ คนอื่นจะเอาไปใช้ จะเอาไปให้พ่อแม่ดูมันจะไม่สวยเท่านั้นเอง

 

     นี่แค่งานแรก เราให้คะแนนการเรียกร้องความสนใจเขา 1 คะแนน   แต่เราให้คะแนนความเป็นผู้กล้า ความเป็นนักแนวคิด ความเป็นผู้เปลี่ยนประเทศ -1,000,000 คะแนน   ใครเจอเขา ช่วยพาเขาไปตึกจามจุรี 5 ด้วย เผื่อเขาหลง เขาอาจจะต้องไปเร็วๆ นี้แล้วหล่ะ ..... ดีใจจัง

 

ปล. :  ผมเฉยๆ กับระบบเจ้าครับ .... 

ปล.  :  แยกระหว่างหมอบคลานกับการทำความเคารพและการถวายบังคมให้ออกด้วย แต่ประเด็นนี้ผมพูดถึงมารยาทและสันดาน และวิธีการเรียกร้องความสนใจของเขาสองคนล้วนๆ

 

(ข้อมูลประกอบ :   ถึงขนาดนี้แล้วม.จุฬาฯจะว่ายังงัย ?? # ทนโท่เจตนา “เนติวิทย์” ไม่ก้มกราบ ไม่หมอบคลาน # เพลงพระราชนิพนธ์ "มหาจุฬาฯ" ต้องปรับเปลี่ยน... ??  http://deeps.tnews.co.th/contents/196428/ )