- 16 ก.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่โลกโซเชียลยังคงให้ความสนใจถกเถียง จากพฤติกรรมของนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จนถึงนาทีนี้แล้วคงไม่ต้องย้อนความห่ามให้หลายคนต้องตั้งคำถามอีกว่า ทำไมต้องให้พื้นที่นายเนติวิทย์แสดงความอหังการผ่านสือสาธารณะ ด้วยประการสำคัญคือจะอย่างไรเสีย นายเนติวิทย์ก็คงเลือกตะแบงไปเรื่อย ๆ สำหรับข้ออ้างการไม่ถวายบังคมพระราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล ด้วยเหตุเพราะว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เคยทรงรับสั่งให้ยกเลิกพิธีการมอบคลาน เหมือนกับโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คล่าสุด
ขณะที่ตลอดทั้งวันที่ผ่านมามีบุคคลในแวดวงต่าง ๆ ออกมาแสดงทัศนะต่อปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งอย่างเอนเอียงเห็นด้วยกับนายเนติวิทย์ ว่าคือสื่อสัญลักษณ์ตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่กล้าแสดงตัวตนท้าทายวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่กับรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาอย่างยาวนาน แต่มีคนจำนวนมากชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการแสดงออกของนายเนติวิทย์ เพราะเจตนาบ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นพฤติกรรมไม่ต่างกับพวกลิเบอร์ร่าน ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในสังคมไทย เพราะมีข้อบ่งชี้ถึงการเตรียมการจะทำให้พิธีอันสำคัญยิ่งของชาวจุฬาฯ มีร่องรอยด่างพร้อยเกิดขึ้น ???
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เจ้าของเพจเฟซบุ๊คที่ชื่อ Kan Somsai ก็โพสต์ข้อความอันเป็นสาระสำคัญของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 15 ก.ค. 2559 (พิธีปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ) ดังรายละเอียดต่อไปนี้ " ไหนๆ ก็ไหนๆ วันนีเราขอออกมาพูดในฐานะคนจัดงานบ้างเราจะเล่าเหตุการณ์ทุกอย่าง อย่างละเอียดละกันนะ เราขอขอพูดในมุมของคนจัดงานนี้นะ บอกตรงๆ ว่างานนี้คืองานแรกของเรา เราตั้งใจทำมันออมาให้ดีที่สุด
เราเตรียมงานนี้ก่อนเป็นเดือนๆ เราคิดกันว่าเราจะทำอะไรให้น้องได้บ้าง น้องจะโอเคกับกิจกรรมอะไรบ้างนะ น้องอยากเห็นอะไรบ้างนะ ตะเกียบที่เราปักเป็นส่วนๆ ให้น้องนั่ง เราปักกันจนดึกดื่น จนเรามีทะเลาะกัน แต่เราก็เข้าใจกัน เพราะแค่อยากให้น้องๆ ได้รับความประทับใจครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตนิสิตจุฬาฯให้ได้มากที่สุด ภาพรวมของงานเมื่อวานดีมากๆ อากาศค่อนข้างร้อน แต่ได้เห็นร้อยยิ้มของน้องๆ เราก็ดีใจ แต่แล้วพอมาถึงกิจกรรมสุดท้าย เราก็ต้องใจสลาย..
ก่อนพิธีเราเมาแดดมากจนจะเป็นลม เราคิดได้ว่าเรายังไม่ได้กินข้าวเลย เราจึงชวนพี่เราคนนึงที่เป็นหัวหน้าของเราอีกที ไปหาของหวานๆ กินกันแถวๆ คณะวิศวะฯ สักพักก็มีเสียงจาก VR ประกาศว่า "staff stand by พิธีจะเริ่มแล้วครับ" เราไม่คิดอะไรทั้งนั้น รีบเดินแบกกระเป๋าสองใบ VR หนึ่งตัว กับร่างที่กำลังจะไม่ไหว กลับไปที่สนามหน้าพระบรมรูปฯ บรรดาผู้ปกครองกว่าร้อยชีวิต ที่มารอดูพิธีนี้พร้อมความภูมิใจของหัวอกคนเป็นพ่อแม่ เรารู้สึกหายเหนื่อยที่ผู้ปกครองทุกคนต่างชื่นชมงานในปีนี้ว่าไร้ที่ติ ผ่านไปด้วยดี...
แต่แล้ว.. เขาสองคนก็ลุกขึ้นระหว่างรอบพิธีจริง ระหว่างที่ทุกคนกำลังรวมใจกันฝากตนเป็นนิสิตจุฬาฯ แล้วเดินผ่านหน้าเราไป อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร เราจำได้ว่าตอนนั้น น้ำตาเราอยู่ๆ ก็ไหลออกมาเอง เสียง VR เงียบหายไป ทุกคนนิ่งให้กับการกระทำนั้น เขาเดินกลับไปในเต๊นอำนวยการ มีคนที่สนับสนุนยืนรอเขาแล้วเอาพัดมาพัดให้เขาอย่างมีความสุข ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นของเขากำลังทำพิธีกลางแดดร้อนๆ
และแล้ว ทุกอย่างก็กลับมาปกติ ตำแหน่งที่เขาสองคนเดินออกไปไม่มีใครเข้ามาแทน แต่ลองคิดแบบนี้สิ ???
เขาก็แค่ 2 จาก 6,124 คน คิดเป็น 0.032 %
เขาก็แค่ 2 จาก 50,000 กว่าคน คิดเป็น 0.004 %
เขาก็แค่จุดเล็กๆ ในภาพที่ถ้าไม่ซูมก็ไม่เห็นอะไร ภาพก็ยังสวยงามอยู่ดี
จากเหตุการณ์เมื่อวาน ทำให้เราเห็นว่าเขาสองคน มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่ขาดซึ่งความเข้าใจอย่างถึงที่สุด "รู้สิทธิ รู้หน้าที่ รู้เสรีภาพ" แต่สิ่งที่พวกเขาขาด ก็เห็นจะเป็นว่าขาดกาลเทศะ ขาดสหธรรม พวกเขาเห็นแก่ตัว พวกเขาดูถูกศรัทธาคนอื่น ขาดหลักการเป็นมนุษย์ขั้นพื้นฐาน น่าเสียดายที่เขาตั้งใจเรียนอ่านหนังสือ admission เข้าในคณะรัฐศาสตร์ สาขาการปกครอง คณะและสาขาที่ใครๆ ก็เฝ้าฝัน รวมถึงตัวเราเองด้วย
เขาใช้โอกาสของคนอื่นหลายคนมาทำให้ไร้ค่า เขามิใช่ปัญญาชนในแบบที่จุฬาฯต้องการ ไม่ใช่ปัญญาชนในแบบที่ประเทศไทยต้องการ เขาไม่ใช่อะไรเลยในสายตาเรา
ที่เราร้องไห้ เราไม่ได้ร้องให้เสียใจที่เขาเดินออกมา แต่เราร้องไห้เสียใจที่จุดที่เขาเดินออกมามันจะเป็นรูโหว่ ภาพที่น้องๆ คนอื่นจะเอาไปใช้ จะเอาไปให้พ่อแม่ดูมันจะไม่สวยเท่านั้นเอง
นี่แค่งานแรก เราให้คะแนนการเรียกร้องความสนใจเขา 1 คะแนน แต่เราให้คะแนนความเป็นผู้กล้า ความเป็นนักแนวคิด ความเป็นผู้เปลี่ยนประเทศ -1,000,000 คะแนน ใครเจอเขา ช่วยพาเขาไปตึกจามจุรี 5 ด้วย เผื่อเขาหลง เขาอาจจะต้องไปเร็วๆ นี้แล้วหล่ะ ..... ดีใจจัง
ปล. : ผมเฉยๆ กับระบบเจ้าครับ ....
ปล. : แยกระหว่างหมอบคลานกับการทำความเคารพและการถวายบังคมให้ออกด้วย แต่ประเด็นนี้ผมพูดถึงมารยาทและสันดาน และวิธีการเรียกร้องความสนใจของเขาสองคนล้วนๆ
(ข้อมูลประกอบ : ถึงขนาดนี้แล้วม.จุฬาฯจะว่ายังงัย ?? # ทนโท่เจตนา “เนติวิทย์” ไม่ก้มกราบ ไม่หมอบคลาน # เพลงพระราชนิพนธ์ "มหาจุฬาฯ" ต้องปรับเปลี่ยน... ?? http://deeps.tnews.co.th/contents/196428/ )